เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และอดีตหัวหน้าคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าวว่า เมื่อครั้งถวายการรักษาพระองค์ท่านเมื่อปี 2550 -2554 ทำให้ทราบว่า พระองค์ทรงอดทนต่อการฟื้นฟูร่างกาย ทรงไม่ย่อท้อที่จะฟื้นฟูพระวรกายให้กลับคืนสู่ปกติ พระองค์ท่านได้ตั้งพระราชหฤทัยในการฟื้นฟูพระวรกาย ทรงมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น ทรงยืน ทรงลุกขึ้นนั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับพระองค์ ที่มีพระชนมพรรษามาก หรือช่วงมีพระอาการดีขึ้นก็ยังทรงจักรยานเพื่อสุขภาพของพระองค์
ศ.คลินิก นพ. ธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า กำลังใจมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่ประชาชนมาให้กำลังใจพระองค์ท่าน ทั้งรูปแบบการถวายดอกไม้ ถวายบังคม หรือเปล่งเสียง ทรงประเจริญ ทรงได้ยินตลอดและทรงมีพระพักตร์แจ่มใสขึ้น พระองค์ท่านทรงรับรู้ตลอดเวลาว่า ประชาชนเป็นห่วงพระองค์ท่านมากเพียงใด ดังนั้น ตนจึงเห็นว่ากำลังใจเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งในผู้ป่วยทุกคน ถือว่าสำคัญที่สุด ฉะนั้น ใครก็ตามที่มีตำแหน่งหน้าที่ในการให้กำลังใจคนก็ขอให้ระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย พยายามให้กำลังใจอยู่เสมอ อย่าทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับเราขาดกำลังใจเด็ดขาด เพราะเค้าต้องการกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง
“เรื่องกำลังใจเป็นเรื่องดีจริงๆ มีครั้งหนึ่ง พระองค์เสด็จลงมาเพื่อถวายบังคมสมเด็จพระบรมราชชนนี พระองค์ตั้งใจเสด็จผ่านราษฎรของพระองค์ เพื่อให้ได้เห็นพระพักตร์ ซึ่งประชาชนต่างดีใจและเปร่งเสียง ทรงพระเจริญ ครั้งนั้นสร้างความปิติให้กับประชาชน ทำให้สถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนั้นดีขึ้นได้ เพราะกำลังใจจากพระองค์ท่าน” อดีตหัวหน้าคณะแพทย์ถวายการรักษากล่าวอย่างมีความสุข
นอกจากนี้ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และคนไข้ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บอกว่า สำหรับปัญหาการฟ้องร้องทางการแพทย์ เราสามารถลดปัญหานี้ร่วมกันได้ อย่างฝั่งทางการแพทย์ก็สามารถเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทได้ โดยที่ผ่านมาทรงมีรับสั่งให้พวกเราอ่อนน้อม ถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าไปดูถูกใคร
“ซึ่งพระราชกระแสนี้ผมได้นำมามอบให้แก่ชาวศิริราชทุกคน และคณะแพทย์ทั้งหลาย ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ตลอด โดยทุกคนมีดีหมดทุกคน อย่าไปดูถูก เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน หากทำได้ ไมตรีจิตก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ หรือผู้ป่วยก็ตาม และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย และญาติดีขึ้น ผมคิดว่าเป็นพระราชกระแสที่มีความสำคัญอย่างสำหรับพวกเราชาวไทยที่จะนำไปใช้ได้” ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว