กรุงเทพฯ ติดโควิดเฉลี่ยวันละ 5 พันราย ปลัดฯจี้ 50 เขตไล่ฉีดวัคซีน 608 ถึงบ้าน

กรุงเทพฯ ติดโควิดเฉลี่ยวันละ 5 พันราย ปลัดฯจี้ 50 เขตไล่ฉีดวัคซีน 608 ถึงบ้าน

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ว่าในส่วนของสถานการณ์การฉีดวัคซีน และมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุนั้น ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจบ้านพักคนชราให้ได้มาตรฐานทุกแห่ง เพราะว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยง และไปดูในเรื่องของการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ ว่าฉีดครบหรือไม่ อย่างไร หากยังไม่ครบ กทม.ก็จะฉีดให้ และให้ 50 สำนักงานเขต รวบรวมรายชื่อของกลุ่ม 608 สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือรับไปแล้วและถึงระยะที่ต้องฉีดกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ให้เจ้าหน้าที่แต่ละเขตเดินสายไปตามบ้าน เพื่อฉีดวัคซีนให้

“เราจะมีการประชาสัมพันธ์ ถึงกรณีที่เหตุใดเชื้อโควิด-19 อ่อนลง ซึ่งจริงๆ แล้ว เชื้อไม่ได้อ่อนลง แต่เราแข็งแรงขึ้น เพราะได้รับวัคซีนป้องกัน การได้วัคซีนเหมือนการซ้อม ซ้อมให้มีภูมิต้านทานทำให้เราแข็งแรงขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าชะล่าใจว่าเชื้ออ่อนลง” นายขจิตกล่าว และว่า ส่วนวัคซีนเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป ในโรงเรียนสังกัด กทม.ขณะนี้ก็ฉีดไปถึงร้อยละ 80 แล้ว จึงขอเชิญชวนคนที่ยังไม่ได้ฉีดให้ไปฉีดให้ครบทุกคน เพราะเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ อาจจะเปิดเทอมในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์เตียงผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ณ ขณะนี้ นายขจิตกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังรับมือได้ ของ กทม.เหลืออยู่ร้อยละ 50 ในส่วนของศูนย์พักคอย (CI) เหลืออยู่ร้อยละ 70 และเตียงของโรงพยาบาล (รพ.) เหลือร้อยละ 50 คาดว่าจะยังรับมือได้

“จากสถานการณ์ที่รายงานพบผู้ติดเชื้อของสำนักอนามัย พบว่าติดเชื้อวันละประมาณ 5,000 ราย เป็นคนที่เข้าระบบการรักษาแบบ HI ประมาณ 2,500 ราย เข้าระบบเจอจ่ายจบ อีก 2,000 กว่าราย และที่เหลือก็เข้า รพ.ของสำนักการแพทย์ ในกลุ่มที่ป่วยและเข้าระบบ HI กับเจอจ่ายจบ มีร้อยละ 1-2 ที่ย้ายไปรักษาตัวใน รพ. ซึ่งเป็นจำนวนน้อย ขณะนี้ กทม.ยังรับได้ ส่วน HI มีคนรักษาหายกลับไปมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ แปลว่า สถิติการหายป่วยมากกว่าป่วย ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ การรับมือของระบบการแพทย์ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี” นายขจิตกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าดูสถานการณ์หลังจากนี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ไว้จากหลายฝ่ายถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจจะเพิ่มสูงมากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image