| ที่มา | นสพ.มติชนรายวันน.7 |
|---|---|
| ผู้เขียน | วารุณี สิทธิรังสรรค์ |
| เผยแพร่ |
“การได้รับพระราชทานทุนจากมูลนิธิอานันทมหิดล เพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ดิฉันคิดในใจเสมอว่าพระองค์ท่านพระราชทานทุนให้กับนักเรียนไทย เพื่อให้นักเรียนทุนฯเหล่านี้กลับมาทำประโยชน์ให้กับประเทศ…” ผศ.ทพญ.ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในผู้รับทุนพระราชทานสาขาทันตแพทย์ศาสตร์ กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ผศ.ทพญ.ดุลยพรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการได้รับโอกาสในครั้งนั้น ตั้งใจไว้ว่าจะนำวิชาความรู้มาพัฒนาผลงานวิจัย เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องชาวไทย โดยผลงานหนึ่ง คือ “นวัตกรรมเจลลี่โภชนา”
ซึ่งเป็นโครงการของมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ร่วมกับสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล และหน่วยงานอื่นๆ โดยมีพระราชดำริให้ทำนวัตกรรมอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่กลืนอาหารไม่ได้ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคมะเร็งช่องปาก รวมไปถึงผู้สูงอายุที่มีปัญหาในการเคี้ยวและการกลืน และทรงเป็นผู้ออกทุนวิจัยให้ทั้งหมด เกิดเป็นโครงการชื่อ “โครงการนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก” ขึ้น
“ผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ มักได้รับเป็นอาหารเหลว โดยสอดท่อหรือสายยางเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งการรับอาหารทางสายนั้น ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนคนป่วยคุณภาพชีวิตไม่ดี จึงได้พัฒนาเจลลี่อาหารดังกล่าวขึ้น โดยเมื่ออยู่นอกปากจะดูเหมือนของแข็งใช้ช้อนตัดได้ แต่เมื่อตักเข้าปากจะละลายได้ และกลืนง่าย ผู้ป่วยจะเคี้ยวและกลืนง่ายโดยไม่รู้สึกเจ็บปาก อีกทั้งยังมีสารอาหารครบถ้วน” ผศ.ทพญ.ดุลยพรกล่าว พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทีมวิจัยได้พัฒนาเจลลี่อาหารดังกล่าวตั้งแต่ปี 2552-2554 โดยเริ่มแรกพัฒนาเจลลี่รสชานมกับรสมะม่วง หลังสำเร็จ ทีมวิจัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯพระองค์ท่าน ณ โรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายนวัตกรรมดังกล่าวในวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 ซึ่งขณะนั้นแม้จะยังทรงพระประชวร แต่เมื่ออาการดีขึ้นก็ทรงโปรดให้คณะนักวิจัยเข้าเฝ้าฯ ทันที
“พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสให้พัฒนารสชาติอื่นๆ อย่างเช่น ข้าวมันไก่ รสต้มยำ รสต้มข่า ฯลฯ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ลิ้มรสชาติอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ ได้มีพระราชดำรัสถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ โดยขณะนั้นฉลากเป็นแนวตั้งคล้ายกล่องนม ทรงกังวลพระทัยว่า เมื่อประชาชนได้รับจะนำไปเขย่าซึ่งจะทำให้เจลลี่แตกเสียรูป จึงทรงเสนอแนะให้เปลี่ยนฉลากเป็นแนวนอน ซึ่งได้ผลดีจริงๆ เพราะเมื่อผลิตภัณฑ์สำเร็จ ประชาชนที่ได้รับไปไม่มีผู้ใดเขย่าเลย นับเป็นพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณอย่างแท้จริง” ผศ.ทพญ.ดุลยพรกล่าว
จากความสำเร็จดังกล่าว ในปี 2554 พระองค์ท่านได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเจลลี่โภชนาให้แก่ประชาชนในโครงการ “อาหารพระราชทานสู่ประชาชน” จำนวน 840,000 กล่อง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้ป่วยกว่า 18,000 รายทั่วประเทศ ที่มีโอกาสเข้ารับพระราชทานเจลลี่ดังกล่าว
ผศ.ทพญ.ดุลยพรกล่าวว่า พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสว่า การพัฒนางานวิจัยใดสำเร็จหากหยุดก็จะไม่ส่งผลอีก ดังนั้นต้องหมั่นค้นคว้า ปฏิบัติ และพัฒนา อย่าหยุดคิด เพื่อให้ผลงานนั้นๆ เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องนวัตกรรมเจลลี่พระราชทานก็เช่นกัน ก็จะมีการพัฒนารสชาติอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนี้ จะมีการศึกษาวิจัยต่อยอดเพื่อพัฒนาเจลลี่โภชนาที่อาจช่วยลดการลุกลามของโรคมะเร็งโดยเติมสารจากพืชผัก และยังมีโครงการตามพระราชดำริอีก 1 โครงการ คือ โครงการวิจัยและพัฒนาน้ำลายเทียมชนิดกลืนได้ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ป่วยมะเร็งที่มีปัญหาปากแห้ง น้ำลายน้อย เพราะปัจจุบันที่มีขายในท้องตลาดมีราคาแพง และไม่แนะนำให้กลืน แต่นักวิจัยชุดนี้จะทำชนิดเจลแบบใช้ช้อนตักกลืนได้เหมือนอาหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคล้ายน้ำลายธรรมชาติ
