‘บรรจง’ รอง ผอ.ข่าวเวิร์คพอยท์ เผยเบี้องหลัง นักข่าวสาว ถูกกดดัน วันเข้ากุฏิหลวงปู่ รับถูกกดดัน เพราะเป็นหญิงคนเดียว
จากกรณีที่ กองบรรณาธิการข่าวเวิร์คพอยท์ ช่อง 23 ได้มีมติให้ น.ส.วาสนา ศรีผ่อง นักข่าวของช่อง พ้นสภาพการเป็นผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ หลังร่วมคณะ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาสื่อมวลชนบุกไปที่สำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร กรณีปรากฏคลิปกล่าวหาว่า หลวงปู่แสง ญาณวโร พระเกจิดัง คุกคามทางเพศหญิงรายหนึ่งนั้น
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เวิร์คพอยท์ ปลด ‘วาสนา’ พ้นสภาพ ‘ผู้สื่อข่าว’ ชี้ผิดจริยธรรม-จรรยาบรรณ ข่าวหลวงปู่แสง
- ไหว้ทั้งน้ำตา ‘นักข่าวสาวเวิร์คพอยท์’ กราบขอขมาต่อหน้ารูป ‘หลวงปู่แสง’ แล้ว
- ชาวเน็ตสงสัย หญิงในคลิปกราบ ‘หลวงปู่แสง’ ใช่คนเดียวกับนักข่าวช่องดัง ถูกพักงานรึเปล่า
- อีกราย! ช่อง8 สั่งพักงาน-ตั้งกก.สอบนักข่าว ปมหลวงปู่แสง
- ช่อง 3 ออกประกาศ สั่งพักงานนักข่าวร่วมทีมทำข่าวหมอปลา ตั้ง กก.สอบ
ล่าสุด (14 พ.ค.) นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ รองผู้อำนวยการฝ่ายข่าว ผู้ดำเนินรายการข่าว ช่องเวิร์คพอยท์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ หมายจับกับบรรจง โดยระบุว่า คุณวาสนา ร่วมกับเพื่อนสื่อมวลชนช่องอื่น ๆ รวม 5 ช่อง ได้ติดตามหมอปลาและภรรยาหมอปลา ไปทำข่าวตรวจสอบหลวงปู่แสงเกจิชื่อดังในจังหวัดยโสธร
ด้วยความที่มีเพียงข้อมูลจากผู้ร้องเรียน ซึ่งทางผู้สื่อข่าวและหมอปลา ก็เห็นร่วมกันว่า หากจะพิสูจน์ข้อมูลว่าเป็นจริงหรือไม่ ต้องส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ทีมหมอปลาเข้าไปตรวจสอบรอบแรก แต่ปรากฏว่า การเข้าไปตรวจสอบในรอบแรกนั้น ไม่สามารถเก็บภาพได้ เนื่องจากผู้ที่เข้าไปนั้น ไม่มีประสบการณ์ในการทำสื่อและการถ่ายภาพ จึงไม่สามารถถ่ายภาพเหตุการณ์ได้
ทางหมอปลา และผู้สื่อข่าว จึงได้หารือกันอีกครั้ง โดยทีมข่าว 5 ช่องได้มีการรับรู้ร่วมกันในแผนนี้
มีทีมข่าว 2 ช่อง คือช่อง… และช่อง… รวมทั้งหมอปลา เห็นว่าคุณวาสนา “เป็นผู้หญิงคนเดียว” ในกลุ่มผู้สื่อข่าว จึงขอให้เข้าไปเป็นเพื่อนของทีมทนายความหญิง เพื่อทำการพิสูจน์ว่า ข้อมูลที่แหล่งข่าวให้มานั้นเป็นความจริงหรือไม่ (กรณีหลวงปู่จับกอดสีกา)
“ขณะนั้นคุณวาสนา พยายามบ่ายเบี่ยงแต่ด้วยแรงกดดัน จึงจำยอมเข้าไปกับกลุ่มทนายความ โดยที่ผู้สื่อข่าวทุกคนรวมทั้งหมอปลา ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า หลวงปู่แสงอาพาธโรคอัลไซเมอร์”
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริง คุณวาสนา ตัดสินใจโดยไม่ได้รายงานให้ต้นสังกัด และผู้บังคับบัญชาทราบ รวมถึงภายหลังจากการนำเสนอข่าวไปแล้วก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบถึงที่มาของคลิปหลักฐานดังกล่าว กระทั่งมีข้อสงสัยปรากฏในโลกโซเชียล จึงยอมรับในภายหลัง