เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม นพ. สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า กรณีร่างพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ… ซึ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้ว โดยขั้นต่อไปรัฐบาลต้องส่งเรื่องเข้าไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ส่วนมากร้อยละ 80 มีการกำหนดไว้ในฉบับเก่าอยู่แล้ว จะมีเพิ่มเข้ามาเพียง การกำหนดอายุให้สามารถซื้อได้จากอายุ 18 ปี เป็น 20 ปี และห้ามจำหน่ายบุหรี่แยกมวน ซึ่งในสองข้อนี้จะสามารถแยกเยาวชนออกจากการเข้าสู่วงจรนักสูบหน้าใหม่ได้ตามสาระสำคัญของการร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยอายุที่กำหนดให้มากขึ้นและส่วนมากเยาวชนมีกำลังซื้อแค่เป็นมวนๆ ไม่สามรถซื้อทั้งซองได้ ซึ่งที่ผ่านมามีการปฏิบัติกันมาระยะหนึ่งแล้วเพียงแค่ยังไม่ระบุไว้ในกฎหมาย ซึ่งต่อไปจะต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง
นพ.สุเทพ กล่าวอีกว่า มีการกำหนดให้บริษัทบุหรี่มีการรายงานประจำปี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทในไทยทำอยู่แล้ว แต่บริษัทที่นำเข้าจากต่างประเทศยังไม่ทำ ซึ่งต่อไปจะได้มีการกำหนดในกฎหมายให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และอีกเรื่องคือการกำหนดให้ห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา สถานพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมามีการมอบอำนาจให้ดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่จะมีการปรับปรุงให้ข้อกำหนดสั้นขึ้น อีกทั้งหากฝ่าฝืนต่อไปจะมีการออกใบสั่งเพื่อปรับคล้ายกับการออกขับขี่ ทั้งนี้ยังจะได้ตั้งคณะกรรมการควบคุมยาสูบเพื่อประสานการทำงานร่วมกันในทุกจังหวัดอีกด้วย นี่คือข้อกำหนดใหม่ทั้งหมดที่จะเสริมเข้ามา หลักๆกฎหมายต้องการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชนให้ลดน้อยลง อีกทั้งป้องกันผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่มือสองให้ลดน้อยลงด้วย”นพ สุเทพ กล่าว
นพ สุเทพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของชาวไร่ยาสูบที่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบ จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรแน่นอนเพราะไม่มีกฎข้อไหนบังคับชาวไร่ยาสูบเลยที่ผ่านมาท่านนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพูดคุยเพื่อให้ตัวกฎหมายไม่กระทบกับชาวไร่ยาสูบ โดยมีปลัดของทั้ง 2 กระทรวงเป็นประธานร่วมกัน ซึ่งจากการพูดคุยพบว่า สิ่งที่กระทบไม่ใช่ตัวกฎหมายแต่เป็นการนำเข้าของบุหรี่ต่างประเทศมากกว่า เพราะแม้ว่าจะมีตัวกฎหมายออกมาแต่ที่ผ่านมาสถิติของการสูบบหรี่ในไทยตั้งต่อายุ 15ปีขึ้นไปพบว่ามีการสูบประมาณร้อยละ 20 มาต่อเนื่องหลายปี จากการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่ามีการลดเพียงร้อยละ 1 ต่อปีเท่านั้น จึงเห็นว่าไม่มีการลดฮวบฮาบเป็นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล.
นายเมธชนนท์ ประจวบลาภ รองเลขาธิการเครือข่ายยุวทัศน์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขที่จริงใจแก้ปัญหาบุหรี่ที่กระทบต่อเด็กและเยาวชน ทำให้กฎหมายเกิดความชัดเจนสอดคล้องกับยุคสมัยในปัจจุบันมากขึ้น ทั้งการควบคุมการโฆษณาและห้ามแบ่งแยกซองขายปลีก เพราะเป็นการตัดวงจรการเข้าถึง แรงกระตุ้นสิ่งเร้าในการอยากซื้ออยากลองก็น้อยลง ยิ่งการห้ามโฆษณาบุหรี่ที่เป็นสินค้าอันตรายยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องรีบทำ ถือว่ารัฐบาลมาถูกทาง หากเป็นไปได้ควรมีการเพิ่มเติมเรื่องของอายุ ควรจำกัดอายุผู้ซื้อบุหรี่ต้องไม่ต่ำกว่า25ปี เพราะถือเป็นเยาวชน
