ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายพิสิฐ เสือสมิง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สมุทรสงคราม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลองได้หายไปนานหลายสิบปี กระทั่งมีการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งเมื่อปี 2548 เนื่องจากกระทงกาบกล้วยเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เรียบง่าย เพียงนำธูปชนิดพิเศษยาวกว่า 20 นิ้ว มาชุบน้ำมันยาง แล้วคลี่ผึ่งแดดจนแห้งสนิททำเช่นนี้ 3 ครั้ง จากนั้นจึงนำธูปชุบน้ำมันยางเคลือบเทียนแล้วตากแดดให้แห้งอีกครั้งก็สามารถนำไปใช้งานได้ โดยการทำธูปแต่ละชุดใช้เวลาประมาณ 3 วัน และจุดติดไฟได้นานไม่น้อยกว่า 20 นาที จากนั้นนำต้นกล้วยมาหั่นเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 8-10 นิ้ว ลอกออกทีละกาบ และนำธูปที่เตรียมไว้ลงมาปักที่กาบกล้วยและปล่อยลงแม่น้ำแม่กลองเป็นช่วงๆ บริเวณหน้าวัดท้องคุ้ง ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จนถึงหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา เพื่อให้ทั้งท้องน้ำสว่างไสวไปด้วยแสงไฟของธูปในกระทง
นายพิสิฐ กล่าวว่า แต่เนื่องจากปีนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก และในช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัย เทศกาลลอยกระทง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สมุทรสงครามจึงงดจัดงานรื่นเริงต่างๆทั้งกิจกรรมบนเวทีเช่น การประกวดนางนพมาศ กิจกรรมไหลเรือไฟ และการจุดพลุดอกไม้ไฟต่าง ๆ เพื่อถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ยังคงจัดให้มีการลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลองเหมือนเดิม โดยปีนี้จะมีการลอยกระทงกาบกล้วย จำนวน 2 แสนใบ เริ่มปล่อยจากบริเวณหน้าวัดท้องคุ้ง ตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ยังจัดให้มีการลอยกระทงพระประทีป ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นการสักการะบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและลอยความทุกข์โศกไปกับกระทง จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดสมุทรสงครามร่วมลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ที่บริเวณท่าน้ำวัดภูมรินทร์กุฎีทอง ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เพื่อร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่ตลอดไป
