สำหรับบรรยากาศการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นั้น ตลอดช่วงบ่ายประชาชนจากทั่วทั้งประเทศต่างเดินทางมาร่วมถวายสักการะอย่างไม่ขาดสายแม้อากาศจะร้อน รวมถึงต้องต่อแถวเข้าสักการะเป็นเวลานานก็ตาม อาทิ
นางนวรัตน์ แก้วจันทร์ อายุ 58 ปี ชาว อ.คอนบุรี จ.นครราชสีมา ตั้งใจตัดชุดผ้าไหมด้วยฝีมือตนเอง เพื่อมาถวายสักการะพระบรมศพ กล่าวว่า แม้คนที่บ้านจะเป็นห่วง แต่ก็เดินทางมาคนเดียวด้วยรถประจำทางเพื่ออยากจะถวายสักการะพระองค์ให้ได้ ส่วนตัวถ้ามีโอกาสก็จะตามเฝ้ารับเสด็จ อย่างครั้งเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช ดิฉันได้เห็นพระองค์ใกล้มากในจังหวะที่กำลังขึ้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง รู้สึกตื้นตันใจและขนลุกด้วยความรัก ที่ทรงงานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพสกนิกรในหลายพื้นที่ ส่วนตัวตั้งใจจะเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อย่างทุกวันนี้ที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ทำสวนกล้วย มะนาว และไร่ข้าวโพด มีก็แบ่งปันให้เพื่อนบ้าน เหมือนดั่งที่พระองค์ทรงทำเป็นตัวอย่าง และสอนให้อยู่อย่างพอเพียงและแบ่งปัน อยากให้คนไทยเดินตามรอยพระยุคลบาท อย่างภาพบรรยากาศที่สนามหลวงตอนนี้ ที่คนไม่รู้จักกัน มาพูดกัน แบ่งปันกัน รักกัน เห็นแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจ
ขณะที่ นางสายอมร ดิสระ อายุ 56 ปี ครูชั้น ป.5-6 โรงเรียนวัดอ่าวบัว อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา มาพร้อมคุณแม่ และลูก กล่าวภายหลังถวายสักการะว่า จริงๆ มาต่อแถวที่สนามหลวงตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ที่เปิดให้เข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศเป็นวันแรก วันนั้นเริ่มต่อแถวตั้งแต่ 09.00 น. ต่อแถวรอจนถึงเวลา 16.00 น. ปรากฏว่ายังยืนต่อแถวอยู่ที่สนามหลวง ต่อมาเจ้าหน้าที่บอกให้สลายแถวได้เพราะวันนี้จะไม่ได้เข้าแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน วันต่อมาพากันไปซื้อดอกบัวจากตลอดสี่มุมเมืองมาแจกประชาชนที่มาถวายสักการะที่สนามหลวง เพราะอยากให้ทุกคนมีดอกไม้มาไหว้พ่อ และได้เข้ามาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศสมความตั้งใจในวันนี้
“ดิฉันเป็นข้าราชการครู สอนในโรงเรียนที่น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์มาปฏิบัติใช้ ทุกวันนี้นอกจากการนำคำสอนของพระองค์มาสอนให้นักเรียนแล้ว ยังปฏิบัติตนด้วยการประหยัด ให้นักเรียนออมขั้นต่ำ 1 บาทต่อวัน ทำอย่างนี้ทุกวันโดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์มารับออมเงิน รวมถึงให้ปลูกผักสวนครัว เพื่อนำมาประกอบอาหารกลางวัน เหล่านี้เป็นการฝึกนิสัยเขาที่พบว่าเมื่อจบออกไปแล้ว เขาเป็นคนประหยัดพอเพียง อาจรวมถึงการสอนสั่งของสถาบันครอบครัวที่น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้เช่นกัน ทำให้แม้จะเป็นชุมชนที่มีรายได้น้อยแต่ก็อยู่ได้ด้วยปรัญชาพระองค์ เหล่านี้เป็นความซาบซึ้งใจ ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เพราะมีพระมหากษัตริย์ที่สุดยอดที่สุด” นางสายอมรกล่าว
นางสายอมรกล่าวอีกด้วยว่า ส่วนตัวอยากเสนอให้มีรายวิชาที่สอนเกี่ยวกับพระราชประวัติ การทรงงาน โครงการพระราชดำริ และคำสอนของพระองค์ เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้รู้จัก และน้อมนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตได้ เหมือนที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ วิชาหน้าที่พลเมืองกลับมาสอนไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกหลานคนไทยรู้จักและภูมิใจในตนเอง ตลอดจนรู้จักหน้าที่ตนเอง
