สภาธุรกิจไทย-กัมพูชาหนุนตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรที่จ.ไพลิน

นายนิยม ไวรัชพานิช รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการและสมาชิกสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ร่วมกับทางนางเจีย เรียบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน และบรรดาตัวแทนหอการค้าจังหวัดต่างๆของกัมพูชาเกือบ 20คน เมื่อเร็วๆนี้ที่ศาลากลางจังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชาว่า สิ่งที่ทางกัมพูชาเสนอเป็นปัญหาเดิมๆที่เคยพูดกันมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ทางกัมพูชาเรียกร้องมาว่าทำไมไม่ให้รถกัมพูชาเข้ามาขนสินค้าในประเทศไทย ขณะที่กัมพูชาให้รถไทยเข้าไปขนของได้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนถูกลง และจะเกิดคลังสินค้าของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีข้อตกลงระหว่างจันทบุรีกับทางจังหวัดไพลินและพระตะบองให้รถส่วนบุคคลในพื้นที่ดังกล่าววิ่งเข้าไปได้

นายนิยมกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางไทยได้เปิดเส้นทางรถโดยสารไปกัมพูชาใน 2 เส้นทางคือ หมอชิตไปเสียมเรียบกับพนมเปญ ยังมีอีก 4 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการเจรจากันอยู่ คือ 1.เส้นทางจากพัทยาไปเสียมเรียบ 2.เส้นทางพระตะบอง ไพลิน มาที่จันทบุรี 3. เส้นทางจากอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ไปที่เสียมเรียบ และ4.เส้นทางจากสีหนุ วิลล์ เกาะกง มาที่จ.ตราด

นางดวงใจ จันทร ประธานอนุกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจกับประเทศกัมพูชา สภาหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่คณะกรรมการและสมาชิกสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา เข้ามาที่จังหวัดไพลินผ่านด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และออกทางด้านด่านบ้านแหลม จ.จันทบุรี นั้น เพื่อให้ได้มาพื้นที่จริง ซึ่งทางสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา เสนอให้มีการเปิดตลาดกลางสินค้าเกษตรที่ไพลิน รวมทั้งสินค้าทั่วไปด้วย เป็นการนำร่อง หากทำอย่างนี้จะทำให้สินค้าไทยเข้าไปในเขมรได้เยอะขึ้น สอง ทำให้การไปมาหาสู่ระหว่างคนไทย-กัมพูชา ดีขึ้นกว่าเดิม สาม เป็นการผลักดันส่งเสริมช่วยเหลือสินค้าเกษตรของกัมพูชา เพราะทางกัมพูชาต่อว่าฝ่ายไทยว่าการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างสองประเทศไม่สมดุลกัน ไทยส่งออกถึง 95 % แต่นำเข้าสินค้าเกษตรของกัมพูชาแค่ 5% ทางกัมพูชาจึงอยากให้ฝ่ายไทยอะลุ่มอล่วยให้บ้าง

ด้านนายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข เลขาธิการสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา กล่าวว่า สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา กำลังทำแผนยุทธศาสตร์ด่านต่างๆที่ติดกับกัมพูชา โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม มีกลุ่มA กลุ่ม B และกลุ่ม C กลุ่มA คือด่านใหญ่ที่มีเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่แล้ว เช่นด่านอรัญประเทศ ปอยเปต หรือทางด้านคลองใหญ่ เกาะกง กลุ่ม Bแบ่งเป็นจังหวัดพระตะบอง กับไพลิน ซึ่งน่าจะพัฒนาจุดแข็งให้เป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับการค้าและบริการที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตร อย่างเช่นให้มีตลาดกลางทางการเกษตรขึ้นที่ไพลินคล้ายๆตลาดไทบ้านเรา เพื่อให้สินค้าเกษตรทั้งของไทยและกัมพูชาซื้อขายกันได้สะดวกมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องเครื่องจักรอุปกรณ์และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการเกษตร โดยมีการตั้งโรงงานอย่างครบวงจร

Advertisement

ส่วนกลุ่มC เป็นด่านที่เพิ่งจะมีการค้าการลงทุน อย่างที่ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ติดต่อกับโอร์เสม็ด อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย และช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ตรงข้ามช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย

“ผมเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดอุตสาหกรรมการเกษตรขนาดใหญ่ในจุดที่เชื่อมโยงกันระหว่างระยอง จันทบุรีและตราด เชื่อมกับไพลิน พระตะบอง อาจเลยไปถึงศรีโสภณด้วย จะเป็นฐานการผลิตสินค้าการเกษตรขนาดใหญ่ อย่างวันนี้มีกรรมการหอการค้าท่านหนึ่งของกัมพูชามาจากกัมปงสะปรือก็มีสวนมะม่วงเป็นหมื่นไร่ หันมาดูที่ฝั่งไทยต้องยอมรับว่าที่ดินหรือปัจจัยการผลิตที่จะขยายพื้นที่การเพาะปลูกยากขึ้นเรื่อยๆ และมีต้นทุนที่แพงขึ้น คิดว่าทางหนึ่งคือต้องนำเข้าผักผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยทำยุทธศาสตร์ใช้วิธีส่งเสริมให้เขาปลูกพืชเศรษฐกิจที่เราเป็นผู้ขาย”นายวรทัศน์กล่าวและว่า เป็นยุทธศาสตร์ร่วมกันในเชิงของสินค้าการเกษตร และสินค้าเกษตรเศรษฐกิจ หรือจะทำคอนแทคฟาร์มมิ่งก็ได้ ซึ่งถ้าร่วมมือกันดีๆ ตรงนี้จะเป็นแหล่งเพาะปลูกการเกษตรขนาดใหญ่และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image