ข่าวหน้า 1 ‘งดจุดพลุ-นพมาศ อนุญาตจัด ‘ลอยกระทง’ ได้ เคาต์ดาวน์สวดมนต์ข้ามปี’

งดจุดพลุ-นพมาศ อนุญาตจัด ‘ลอยกระทง’ ได้ เคาต์ดาวน์สวดมนต์ข้ามปี ‘ไก่อู’ เตือนนักเลงคีย์บอร์ด เปิดกิจกรรมให้ปท.เดินต่อ

ผู้ว่าการ ททท.เดินหน้าจัดงานลอยกระทง งดประกวด ‘นางนพมาศ-จุดพลุ’ ทีวียังไม่สรุปผัง-รอความชัดเจน กสทช. ‘กอบกาญจน์’ ถก ‘วธ.’ เคาต์ดาวน์ปลายปีปรับรูปแบบเป็นสวดมนต์ข้ามปี ตั้งเป้า 20 ล้านคน เข้าร่วมมากที่สุดในโลก บันทึกกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด

“ไก่อู” ย้ำบันเทิงใช้ดุลพินิจ

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ เห็นชอบให้ทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมต่างๆ 9 ลักษณะ และออกอากาศรายการโทรทัศน์และวิทยุได้ตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ว่ารัฐบาลคำนึงถึงการขับเคลื่อนประเทศให้เดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะเพื่อให้ภาคธุรกิจเอกชนและภาคประชาชนประกอบกิจการได้โดยสะดวก ควบคู่ไปกับการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างเหมาะสม ทั้งนี้รัฐบาลเชื่อมั่นว่าความชัดเจนดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศคลายความกังวลลง และวางแผนกำหนดแนวทางดำเนินธุรกิจ จัดกิจกรรม หรือออกอากาศรายการได้อย่างที่เคยปฏิบัติ เช่น การจัดงานเทศกาลระดับประเทศและระดับจังหวัด งานประเพณีวัฒนธรรม กิจกรรมสถานบันเทิง งานแสดงดนตรี งานเลี้ยงสังสรรค์ การแข่งขันกีฬา รวมถึงการเผยแพร่ละครหรือรายการบันเทิงทางสื่อต่างๆ โดยพิจารณาถึงบรรยากาศหรือความรู้สึกของประชาชนควบคู่ไปด้วย

Advertisement

วอนอย่าโพสต์กระทบเชื่อมั่น

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ในส่วนของการจัดกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งต้องขออนุญาตใช้สถานที่หรือใช้เสียง ผู้จัดกิจกรรมจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการดำเนินงาน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ในพื้นที่นั้นๆ จะเป็นผู้ให้ข้อสังเกตหรือคำแนะนำตามสมควร เพื่อให้กิจกรรมดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ขัดต่อความรู้สึกของสังคม นอกจากนี้ รัฐบาลอยากวิงวอนนักเลงคีย์บอร์ดหรือผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลาย ให้ระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศในแง่มุมต่างๆ เช่น นำเรื่องการอนุญาตให้จัดกิจกรรมหรือออกอากาศได้ตามปกติไปเชื่อมโยงกับความไม่เคารพรักสถาบัน ขณะเดียวกันผู้ที่รักและเทิดทูนสถาบันก็จะต้องคำนึงถึงการขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปข้างหน้าด้วย

สวดมนต์ข้ามปีตั้งเป้า 20 ล.คน

Advertisement

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมหรือประเพณีต่างๆ ในประเทศไทยยังคงเดินหน้าจัดงานต่อไป เช่น งานคริสต์มาส งานเทศกาลปีใหม่ งานตรุษจีน แต่ลักษณะของงานอาจจะไม่ได้จัดงานแบบรื่นเริงมากนัก อย่างเช่น งานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (เคาต์ดาวน์) จะยังคงมีอยู่แน่นอน แต่หารือกับกระทรวงวัฒนธรรมจะปรับให้เป็นงานเคาต์ดาวน์รูปแบบการสวดมนต์ข้ามปี และจะส่งข้อมูลให้เป็นหนึ่งในที่สุดของโลก (กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด) ว่าเป็นงานที่มีประชาชนสวดมนต์ข้ามปีมากที่สุดในโลก โดยปีที่ผ่านมามีประชาชนเข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปีกว่า 13 ล้านคนทั่วประเทศ ปีนี้จัดสวดมนต์ข้ามปีค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ตั้งเป้าจะมีประชาชนมาเข้าร่วมมากถึง 20 ล้านคน และสนใจแนวคิดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอให้จุดเทียนแทนการจุดพลุในช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

กิจกรรมเดินหน้าเพลงพระราชนิพนธ์

“กิจกรรมต่างๆ ต้องคงเดินหน้า อย่างงานดนตรีมีได้ แต่อาจไม่ใช่ดนตรีที่รื่นเริงมากเกินไป อาจจะเกี่ยวกับเพลงพระราชนิพนธ์ เพราะยังอยู่ในช่วง 100 วัน อย่างล่าสุดมีการจัดงานร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก็จัดได้ และมีประชาชนให้ความสนใจมาก และอีกนัยหนึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศด้วย เพราะประชาชนเดินทางเข้ามาถวายความอาลัยบริเวณรอบสนามหลวงเป็นจำนวนมาก และมีการใช้จ่าย จองห้องพักในโรงแรม” นางกอบกาญจน์กล่าว

นางกอบกาญจน์กล่าวว่า กระทรวงยังได้ขอความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ร่วมกันสื่อสารให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกยืนยันถึงตารางการท่องเที่ยวของประเทศไทยยังคงเดิม ประเพณีลอยกระทง การแข่งขันกีฬาระดับโลกยังคงมี แต่เน้นจัดงานอย่างเหมาะสม ตามประเพณี ขณะเดียวกันบริษัทการบินไทย (ทีจี) ยังได้จัดทำวิดีโอเผยแพร่คำปฏิบัติตัวหากมาเที่ยวเมืองไทยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับทราบ ขณะที่ตนมีโอกาสพบปะกับเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ รวม 34 ชาติ และหอการค้าต่างประเทศในไทยอีกกว่า 10 ราย ได้สร้างความชัดเจน โดยสื่อไปว่า “Life goes on” เพื่อให้ความมั่นใจต่อโปรแกรมท่องเที่ยวของไทยว่ายังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม ไม่ได้มีการยกเลิกแต่อย่างใด และยังคงพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเสมอมา

งดนางนพมาศ-จุดพลุลอยกระทง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ แต่ขอให้อยู่ในความเหมาะสม ซึ่งในวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันลอยกระทงพอดี ททท.จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดงานที่เน้นในเชิงวัฒนธรรม ตามประเพณีที่สืบต่อกันมามากกว่างานรื่นเริง อย่างการประกวดนางนพมาศ การแสดงคอนเสิร์ต ตลอดจนการจุดพลุต้องงดกิจกรรมเหล่านี้ไปก่อน แต่จะมุ่งไปที่การแสดงเอกลักษณ์ ประเพณีอันดีงาม เพื่อให้นักท่องเที่ยวเห็นอีกมุมมองหนึ่ง ส่วนกิจกรรมอื่น ทั้งคริสมาสต์ วันปีใหม่ คงยังจัดเหมือนเดิม แต่การเฉลิมฉลองอาจไม่ทำให้ดูหวือหวา หรือครื้นเครงมากเกินไป มีการแสดงคอนเสิร์ตได้ แต่อาจจะเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ตลอดจนเพลงสุภาพๆ ตามความเหมาะสม

“เรื่องการจัดงาน ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถึงแม้รัฐบาลบอกว่าพ้น 30 วันไปแล้ว ให้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าในช่วง 100 วัน เรื่องความบันเทิงขอให้พองาม เราก็ต้องพิจารณาเป็นงานๆ ไป แต่อย่างกิจกรรมที่เป็นสากล อย่างคริสต์มาส ปีใหม่ยังคงต้องจัด แต่ปีนี้อาจจะมีความพิเศษ สุภาพมากกว่าทุกปี เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ส่วนเรื่องนับถอยหลัง ช่วงข้ามคืนวันที่ 31 ธันวาคม (เคาต์ดาวน์) นั้น จะทำได้หรือไม่ ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน แต่ผมเองคิดว่าน่าจะทำได้ แต่ขอให้ลดความบันเทิงน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา” นายยุทธศักดิ์กล่าว

ทีวียังไม่สรุปผัง-รอความชัดเจนกสทช.

จากกรณี พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้ประชุมหารือกับผู้ประกอบการโทรทัศน์และผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงทุกสถานีแล้ว ได้ข้อสรุปว่า ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ให้เริ่มปรับโทนสีการออกอากาศและรายการต่างๆ ให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ห้ามออกอากาศบางรายการ เช่น รายการตลก เฮฮา หรือละครที่มีฉากใช้ความรุนแรง และให้ค่อยๆ ปรับจนถึงหลังเที่ยงคืนวันที่ 18 พฤศจิกายน จึงกลับมาเป็นโทนสีปกติและรายการปกติได้ โดยหลังจากนั้นขอให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละช่องที่ต้องคำนึงถึงจิตใจของประชาชนเป็นหลักด้วย

โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เผยว่า รายละเอียดนั้นต้องรอบอร์ดของช่องประชุมอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่ นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางช่องจะสรุปอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน เนื่องจาก กสทช.จะประชุมในวันนั้นเช่นกัน

ส่วนฝ่ายประชาสัมพันธ์ของช่องวัน 31 กล่าวว่า ช่องวัน 31 ยังไม่สรุป แต่ที่ระบุได้ตอนนี้คือวันที่ 14-17 พฤศจิกายน จะออกอากาศละครเทิดพระเกียรติเรื่อง “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙” จากนั้นวันที่ 21 พฤศจิกายน ละครปกติจะกลับมาออกอากาศ แต่สำหรับรายการกับซิตคอมต่างๆ บางรายการอาจงดฉายไปก่อน และบางรายการอาจต้องลดทอนความตลกลง

“ไฮเนเก้น” งดจัดลานเบียร์

นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและองค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด (ทีเอพี) ผู้ผลิตและทำตลาดเบียร์ไฮเนเก้น เชียร์ และไทเกอร์ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทตัดสินใจงดจัดกิจกรรมดนตรีและเปิดบริการดื่มเบียร์ตามลานโล่งของห้างใหญ่ (ลานเบียร์) โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายรายที่อยู่ในธุรกิจนี้จะดำเนินไปทางเดียวกันกับบริษัท นอกจากนี้ ผู้บริโภคเองอาจจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะรื่นเริงนัก จะเห็นว่าหลายห้างร้านและผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเน้นกิจกรรมในช่วงนี้เป็นกิจกรรมรับผิดชอบต่อส่วนรวมและสังคม (ซีเอสอาร์)

นายปริญกล่าวถึงภาพรวมตลาดเบียร์ปีนี้ว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรก ตลาดทรงตัว ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คงไม่แตกต่างจากช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ ดังนั้น ทั้งปีภาพรวมตลาดเบียร์อาจจะไม่เติบโตจากปีที่ผ่านมา หรืออาจติดลบเล็กน้อย ตามภาวะอารมณ์และการบริโภคของประชาชนไทยในเวลานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันตลาดเบียร์โดยรวมในประเทศ มีมูลค่าประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

“เบียร์ช้าง-เซ็นทรัล” งดด้วย

นายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้าง กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ คือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ทางบริษัทไม่มีการจัดลานเบียร์ในจุดหลักของกรุงเทพฯ ทั้งในพื้นที่ของเซ็นทรัลเวิลด์ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และสาทรสแควร์ เหมือนกับที่เคยจัดในปีที่ผ่านมา

รายงานข่าวจากทางบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารงานห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งปกติทุกปลายปีจะจัดลานเบียร์บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แจ้งว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ที่ปกติทางห้างจะจัดลานเบียร์นั้น ในปีนี้ ทางห้างได้งดการจัดกิจกรรมดังกล่าวของห้างเซ็นทรัลในสาขาที่เคยจัดของทุกปี ทั้งสาขาพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด

4 พ.ย.โลตัสแจกเสื้อดำ2หมื่น

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า เทสโก้ โลตัส เตรียมแจกเสื้อดำฟรีรอบที่สอง 20,000 ตัว ผ่านสาขาเทสโก้ โลตัส 40 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สาขาละ 500 ตัว ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ หลังจากแจกเสื้อยืดดำรอบแรกไปแล้ว 5,000 ตัว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเป็นโครงการเทสโก้ โลตัส ให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการแจกจ่ายเสื้อยืดสีดำทั้งหมด 55,000 ตัว ให้กับประชาชนเพื่อสวมใส่แสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

“วันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ จะเริ่มแจกบัตรคิวเพื่อรับเสื้อยืดสีดำตั้งแต่เวลา 09.00 น. เริ่มแจกเสื้อในเวลา 10.00 น. โดยขอสงวนสิทธิ 1 คนต่อเสื้ดยืดดำ 1 ตัว เพื่อให้ประชาชนได้มีเสื้อยืดสีดำใส่อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม เทสโก้ โลตัส ได้เปิดจำหน่ายเสื้อสีดำและสีขาว จำหน่ายราคาเริ่มต้นตัวละ 89 บาท โดยเตรียมไว้จำหน่าย 2 ล้านตัว คาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน” นางสาวสลิลลากล่าว และว่า นอกจากนี้ ยังจัดโครงการ Sharing Ribbon : ผูกโบ ผูกใจ แจกจ่ายริบบิ้นดำ 1 ล้านชิ้น ซึ่งจัดทำขึ้นโดยพนักงานเทสโก้ โลตัส ร่วมกับประชาชนที่มีจิตอาสา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถแสดงออกถึงความไว้อาลัยได้แม้ไม่มีเสื้อผ้าสีดำและสีขาวใส่ได้ทุกวัน

ส.อ.ท.ชี้นำเข้าเสื้อดำเริ่มล้นตลาด

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์จำหน่ายเสื้อผ้าสีดำว่า ขณะนี้เสื้อผ้าสีดำที่ผู้ค้านำมาจำหน่ายมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไม่พบว่ามีการขาดแคลนแต่อย่างใด โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ค้าส่ง อาทิ ตลาดโบ๊เบ๊ สำเพ็ง มีการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปโดยเฉพาะจากจีนเริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรองรับกับความต้องการของประชาชนที่จะร่วมแสดงความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2560

“จากการสำรวจตลาดพบว่ามีผู้ค้าส่งนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปสีดำเข้ามาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ราคาไม่แพง เฉลี่ยเสื้อกลม 100 บาท เสื้อเชิ้ต 250 บาท จากที่ระยะแรกมีความต้องการมาก แต่ผู้ผลิตในประเทศเองมีสต๊อกเสื้อดำไม่มากนักที่จะนำมาจำหน่าย จึงมีการผลิตเพิ่มขึ้นได้บางส่วนเท่านั้น แต่มาถึงวันนี้ปัญหานี้หมดไปแล้ว และเสื้อผ้าที่มีอยู่อาจจะล้นเกินความต้องการด้วยซ้ำ เพราะหากลองไปดูตามห้างร้าน ประชาชนก็ไม่มีการแย่งซื้อแล้ว” นายวัลลภกล่าว

ตัดผม-แจกริบบิ้น

ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.ลำพูน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน และหน่วยงานเครือข่าย ออกหน่วยให้บริการประชาชน พม.เพื่อพ่อหลวง ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ, ศูนย์พัฒนาชาวเขา ได้นำนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ในสังกัดมาให้บริการตัดผมชาย และบริการเสริมสวยสุภาพสตรี พร้อมแจกริบบิ้นสีดำแก่ผู้มาใช้บริการ

“ปนัดดา” ลงนามอาลัย “ตำหนักภูพิงคฯ”

ที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) อ.เมือง จ.เชียงราย นางศริวรรณ อรุณปรีย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) นำเด็กนักเรียนแต่งกายชุดลูกเสือและชุดยุวกาชาด 2,640 คน พร้อมคณะครูอาจารย์อีก 640 คน จัดกิจกรรมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก่อนแปรขบวนเป็นรูปหัวใจ มีสัญลักษณ์เลข 9 อยู่ภายใน

ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าลงนามและแสดงความอาลัยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีนายอำนาจ เดชะ ผู้อำนวยการพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ให้การต้อนรับ ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ สวมชุดไว้ทุกข์และติดริบบิ้นสีดำเดินทางเข้าลงนามแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอย่างต่อเนื่อง

ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะอยากมีความรู้สึกร่วมกับคนไทยทุกคนด้วย สาเหตุที่เลือกขึ้นมาท่องเที่ยวที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เพราะต้องการมาเห็นบ้านและสวนของพระราชาของคนไทยที่ใครๆ ก็รัก พร้อมขอบคุณแทนชาวไทยทุกคน และชื่นชมนักท่องเที่ยวที่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้

เรือนแสนจุดเทียนถวายอาลัย

ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พสกนิกรชาวเชียงใหม่ทุกหมู่เหล่า ตลอดจนนักเรียน และนักศึกษา ทยอยรอร่วมพิธีจุดเทียนแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รวมกว่า 100,000 คน ทำให้ล้นจากลานราษฎร์รักบาท ลานราชพฤกษ์ ลานต้นโพธิ์แห่งความจงรักภักดี ลานประตูช้างค้ำ ออกไปจนถึงลานจอดรถที่มีถึง 6 จุด บรรจุรถ 5,000 คัน ยังไม่รวมประชาชนที่ติดอยู่ตามท้องถนนที่มีการจราจรติดขัดเป็นแนวยาวจากตัวเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่เวลา 16.30 น.

จากนั้นเวลา 17.00 น. วงออเคสตราและคณะนักร้องประสานเสียง แชมป์ระดับโลกและระดับชาติในจังหวัดเชียงใหม่ รวมวงใหญ่เป็นครั้งแรก ร่วมกันแสดงถวายพ่อหลวงของแผ่นดิน พร้อมนักเรียนจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนดาราวิทยาลัย การแสดงวงดนตรีแจ๊ซ จากวิทยาลัยดุริยศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ ร่วมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ บริเวณลานราษฎร์รักบาท ด้านหน้าหอคำหลวง นอกจากนี้มีการแปรอักษรคำว่า “เชียงใหม่” และรูปหัวใจ ส่วนที่ลานราชพฤกษ์เป็นคำพระปรมาภิไธยย่อ “ภปร.” อย่างสวยงาม

ต่อมาเวลา 18.39 น. ม.ล.ปนัดดา เป็นประธานกล่าวแสดงความอาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และนำชาวเชียงใหม่ยืนสงบนิ่ง 90 วินาที พร้อมจุดเทียนแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

f

ผู้ว่าฯเชียงใหม่กล่าวสดุดี

จากนั้น นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะตัวแทนชาวเชียงใหม่กล่าวสดุดีว่า นับเนื่องจากปีพุทธศักราช 2501 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวจังหวัดเชียงใหม่เรื่อยมากว่า 92 ครั้ง นำความปลาบปลื้มแก่พสกนิกรชาวเชียงใหม่ตราบจนทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินมา

ทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานความช่วยเหลือและแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในพื้นที่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์ และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือชาวไทยภูเขาให้กำจัดการปลูกฝิ่นและลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวทดแทน ทำให้พี่น้องชาวไทยภูเขามีอาชีพที่สุจริตและมั่นคง มีรายได้เลี้ยงตนเองโดยไม่พึ่งพายาเสพติด และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ มากถึง 26 แห่ง จนกล่าวได้ว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งโครงการหลวง

“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่มีต่อปวงพสกนิกรชาวเชียงใหม่ ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งสัตย์ปฏิญาณ และถวายคำมั่นสัญญาว่า จะน้อมนำเอาแนวทางพระราชดำริต่างๆ ที่พระองค์พระราชทานมาเป็นแบบอย่างประพฤติปฏิบัติ จะดำเนินรอยตามพระยุคลบาท และสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ให้วัฒนาสถาพรสืบไปตราบจนชีวิตจะหาไม่” นายปวิณกล่าว

ชาวสุรินทร์บริจาคข้าวเข้าโรงทาน

ที่ จ.สุรินทร์ นายสราวุธ อินทร์แพง เกษตรกรชาวนา หมู่ 1 บ้านตาอ็อง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า จะเกี่ยวข้าวเปลือกหอมมะลิอินทรีย์ พันธุ์ กข.15 ที่ปลูกบนเนื้อที่ 16 ไร่ เป็นนาหว่านและนาดำอย่างละครึ่ง คาดว่าได้ข้าวเปลือกหอมมะลิ 8-10 ตัน หรือมากกว่านั้น โดยตั้งใจจะนำไปบริจาคให้โรงทานที่ท้องสนามหลวง เพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่มากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยจะเก็บเกี่ยวได้ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ขณะนี้ยังขาดกำลังคนมาร่วมเก็บเกี่ยวข้าว ตากข้าว โรงสีข้าว และรถบรรทุกที่จะนำข้าวไปยังท้องสนามหลวง

“ชีวิตผมเกิดมาในรัชกาลที่ 9 อยากจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นที่สุดของชีวิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงท่าน คือ โอกาสที่จะทำกุศลครั้งยิ่งใหญ่ตรงนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้วในชีวิต เชื่อในพระราชดำรัสเรื่องการพึ่งพาตนเอง พึ่งพาสารเคมีให้น้อยที่สุด ถ้าเดินตามรอยของพระองค์ท่าน จะไม่มีพลาดในชีวิตนี้ รวมทั้งการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ใช้ต้นทุนให้น้อยที่สุดและใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด นาข้าว 16 ไร่นี้ ตนก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมาย ใช้สารเคมีน้อยมาก เชื่อว่าข้าวที่ทุกคนจะได้รับประทานจากนาตรงนี้ ถือว่าเป็นสุดยอดแล้วของข้าวเกษตรอินทรีย์ หากท่านใดต้องการช่วยเหลือด้านกำลังคน จะมาร่วมเก็บเกี่ยวข้าว ตากข้าว โรงสีข้าว และรถบรรทุกที่จะนำข้าวไปยังท้องสนามหลวง สามารถติดต่อได้ที่โทร 08-1876-2841” นายสราวุธกล่าว

ร่วมแสดงความอาลัย-แปรอักษร

ที่โรงเรียนอนุบาลวัดหนองขุนชาติ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี นายอดุลย์ ทัศนียานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดหนองขุนชาติ ร่วมกับคณะครูและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รวมกว่า 2,800 คน พร้อมใจกันร่วมแปรอักษรหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นภาพสัญลักษณ์ตัวเลข ๙ พร้อมกับกล่าวคำแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ที่บริเวณหน้าอุโบสถวัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง อ.เมือง จ.สงขลา เทศบาลนครสงขลาและภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม ร่วมกันอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครั้งเสด็จพระราชดำเนินมายัง จ.สงขลา ในปี 2502 พร้อมประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงาม เพื่อให้ชาวสงขลา พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังวัดมัชฌิมาวาส ได้ร่วมกันแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาว จ.สงขลา อันหาที่สุดมิได้

ถวายปฏิญาณทำตามรอยพ่อ

ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.) หรือศาลากลางหลังเก่า หน้าลานอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 อ.เมืองปราจีนบุรี นางบังอร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานจัดงาน “วันองค์การบริหารส่วนจังหวัด” ประจำปี 2559 โดยมีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 10 รูป จากนั้นนายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นำพนักงาน ข้าราชการ นักเรียน กว่า 1,189 คน แปรอักษรเป็นรูปเลข ๙ ด้านล่างแปรอักษรว่า “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ที่ลานหน้าวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ถนนดอนนก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี คณะผู้บริหารอาจารย์และนักศึกษา 3,000 คน ร่วมถวายปฏิญาณ ความจงรักภักดี และปฏิบัติตนตามรอยพ่อ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ก่อนร่วมแปรขบวนเป็นรูปหัวใจโอบล้อมเลข 9 อักษรคำว่า KING และด้านล่างแปรขบวนเป็นอักษร R T C ของวิทยาลัย

โคราช-เชียงใหม่งดนางนพมาศ

ที่ จ.นครราชสีมา นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า งานประเพณีลอยกระทงของเทศบาลตำบลหัวทะเล ปีนี้เทศบาลจึงงดจัดกิจกรรมรื่นเริงทั้งหมด แต่ยังติดไฟส่องสว่าง และเตรียมท่าน้ำสำหรับให้ประชาชนลอยกระทงได้ตามปกติ ที่บริเวณบึงหัวทะเล

ที่ จ.เชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ วันที่ 12-15 พฤศจิกายนนี้ รวม 4 วัน มีกิจกรรม “ต๋ามผางปะติ๊ดส่องฟ้าฮักษาเมือง” บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จุดผางปะติ๊ดรอบคูเมือง 50,000 ดวง และจุดผางปะติ๊ดถวายเป็นพุทธบูชา เปิดโคมไฟประดับเมือง 9,000 ดวง ด้วย 5 สี คือ สีดำ สีขาว สีเทา สีกรม สีน้ำตาลไหม้ เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก ประกวดกระทงฝีมือใบตอง-ดอกไม้สด ประกวดกระทงลอยน้ำประดับเมือง (คูเมือง) ปล่อยกระทงสายสืบสานล้านนา ที่แม่น้ำปิง กว่า 30,000 ดวง ส่วนบริเวณลำน้ำปิงสองฝั่ง และรอบคูเมืองเชียงใหม่ ไม่มีการจุดพลุ และแสงสีเสียงประกอบ ไม่มีประกวดหรือปล่อยโคมลอย หรือโคมแฟนซี แต่มีประกวดซุ้มประตูป่าวัดกว่า 100 แห่งแทน พร้อมงดงานประกวดนางนพมาศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image