ย้อนเส้นทาง ‘หนุ่มไนจีเรีย’ ผู้ป่วยฝีดาษลิง คนแรกในไทย จากภูเก็ตถึงวินาทีรวบที่กัมพูชา

ย้อนเส้นทาง ‘หนุ่มไนจีเรีย’ ผู้ป่วย ฝีดาษลิง คนแรกในไทย จากภูเก็ตถึงวินาทีรวบที่กัมพูชา

ฝีดาษลิง – สืบเนื่องจากกรณี ชายวัย 27 ปี ชาวไนจีเรีย ผู้ป่วย ‘ฝีดาษลิง’ รายแรกในไทย หลังแจ้งผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงและขอให้เข้ารับการรักษาตัว ผู้ป่วยกลับไม่ให้ความร่วมมือและหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทย กระทั่งโดนตำรวจกัมพูชาติดตามและจับกุมได้ในที่สุด ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เปิดไทม์ไลน์ หนุ่มไนจีเรีย ผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกของไทย

เริ่มต้นจาก วันที่ 21 ตุลาคม 2564 ชายรายดังกล่าว ชื่อว่า นายอัสมอนด์ (OSMOND CHIHAZIRIM NZEREM) สัญชาติไนจีเรีย อายุ 27 ปี ได้เดินทางจาก แอดดิสอาบาบา เมืองหลวงประเทศเอธิโอเปียเข้ามาในประเทศไทยทาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไฟล์ท ET0618 ประเภทวีซ่า NON-ED ซึ่งมีอายุ 90 วัน อนุญาตถึงวันที่ 18 มกราคม 2565 โดยแจ้งว่าจะเดินทางไปมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จ.เชียงใหม่ แต่กลับเดินทางไปจ.ภูเก็ต

วันที่ 16 กรกฎาคม 2565 นายอัสมอนด์ เข้าพบแพทย์ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต เพราะมีอาการตุ่มขึ้นตามผิวหนัง ทางรพ.ให้กลับไปรักษาอาการและกักตัวที่บ้าน เพราะอาการน้อย และนัดตรวจโรคในวันถัดไป เจ้าตัวจึงกลับไปยังที่พักคอนโดมิเนียมในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

Advertisement
  • รายงานระบุว่านายอัสมอนด์ปฏิเสธการให้ข้อมูลด้านอาชีพ ก่อนจะบอกในภายหลังว่าเป็นนักธุรกิจ เข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 พักอยู่คอนโดมิเนียมที่ป่าตอง ตั้งแต่ช่วงเดือน พฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน โดยมีประวัติเสี่ยงคือเที่ยวสถานบันเทิง และมีประวัติมีเพศสัมพันธ์
  • มีอาการตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ประกอบด้วย มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน

วันที่ 17 กรกฎาคม นายอัสมอนด์ ไม่มาตามที่นัดกับแพทย์ไว้

วันที่ 18 กรกฎาคม  ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค (JIT) กองระบาดวิทยาและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 เก็บตัวอย่างส่งไปตรวจ ผลการตรวจ PCR ของห้องปฏิบัติการที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า “ติดเชื้อฝีดาษลิง”

เวลา 17.00 น. รพ.โทรหาผู้ป่วยเพื่อแจ้งผลและจะรับเข้ามารักษา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากปิดโทรศัพท์ ขาดการติดต่อ ไม่ตอบข้อความใน Whatapp จากนั้น เวลา 20.00 น. ตำรวจจึงลงพื้นที่ไปตามตัวที่คอนโดมิเนียมที่ป่าตอง อ.กะทู้ แต่ไม่พบ

Advertisement

ในวันเดียวกันนี้จากผลการย้อนตรวจกล้องวงจรปิดของ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. นายอัสมอนด์ ได้เข้าพักที่โรงแรมปริ๊นเซส ป่าตอง คนเดียว พักอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน

วันที่ 19 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากรพ.และนิติคอนโดฯ ว่า นายอัสมอนด์ รับสายและบอกจะมาพบเจ้าหน้าที่และรพ. แต่สุดท้ายไม่ปรากฎตัว (วันเดียวกันนี้ ได้รับการยืนยันผลตรวจอีกครั้งจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า ติดเชื้อฝีดาษลิง)

วันที่ 20 กรกฎาคม ผลจากการตรวจกล้องวงจรปิด พบ นายอัสมอนด์ เช็กเอาต์โรงแรม (นายอัสมอนด์ได้จ่ายเงินไว้ 2 วัน และตอนเช็กเอาต์ไม่ได้แจ้งพนักงาน เพียงวางกุญแจไว้ที่เคาน์เตอร์เท่านั้น) ก่อนเวลาประมาณ 21.05 น. จะมีรถยนต์ Honda รุ่น HRV สีขาว มารับนายอัสมอนด์ ออกเดินทางไปทาง “กระหลิม กมลา” (สามารถไปสนามบิน หรือ ออกนอกพื้นที่ได้) และเห็นล่าสุดอยู่ที่ อบต.เชิงทะเล คาดว่าจะน่าอยู่ในภูเก็ตหรือออกจากพื้นที่ไปแล้ว

วันที่ 21 กรกฎาคม ในช่วงบ่าย คณะกรรมการวิชาการโรคติดต่อแห่งชาติยืนยันผลสรุปว่า นายอัสมอนด์เป็นผู้ป่วย “ฝีดาษวานร” หรือ “ฝีดาษลิง” ที่พบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก สั่งระดมค้นหาผู้ป่วยอย่างเต็มกำลัง

ต่อมาเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า พบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนายอัสมอนด์ขึ้นอยู่ในพื้นที่บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว “คาดว่าน่าจะเตรียมเดินทางออกไปยังกัมพูชา ผ่านช่องเส้นทางธรรมชาติ”

สอดคล้องกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ได้ติดตามพิกัดการเดินทางของของนายอัสมอนด์ ประกอบกับรายงานจากตำรวจระบุว่า พบความเคลื่อนไหวอยู่แถวพื้นที่คลองลึก อ.อรัญประเทศ

โดยเวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น. มีการใช้เส้นทางถนนสายใหม่ มุ่งหน้าสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา หรือ สะพานหนองเอี่ยน-สตรึงบท ซึ่งยังไม่มีการเปิดใช้สะพานอย่างเป็นทางการ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 3511 โดยเดินเข้าช่องทางธรรมชาติบริเวณใต้สะพาน และว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา ก่อนจะมีคนรับตัวเดินทางต่อไปมุ่งหน้าไปยังเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา

วันที่ 22 กรกฎาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สธ. ให้สัมภาษณ์คาดว่าผู้ป่วยจะหนีออกนอกประเทศ วอนปชช.เห็นใจเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยไม่ใช่ผู้ต้องหา พร้อมทั้งยืนยันยังไม่พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายอื่นในประเทศไทย ขณะที่สธ.ออกมาแจงไทม์ไลน์-อาการผู้ป่วย

วันที่ 23 กรกฎาคม มีการรายงานในประเทศกัมพูชา ว่าหลังได้รับการแจ้งจากหน่วยงานไทยถึงความเป็นไปได้ที่นายอัสมอนด์ ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง จะหลบหนีเข้าประเทศกัมพูชา ทางการกัมพูชาต่างระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการค้นหาตัวชายดังกล่าว และเตรียมมาตรการรับมือ กระทั่งช่วงบ่ายของวันก็ยังคงหาตัวนายอัสมอนด์ไม่พบ

กระทั่งในเวลาประมาณ 20.00 น. มีรายงานว่า ตำรวจกัมพูชาจับกุมตัวนายอัสมอนด์ ได้ที่บ้านเช่า ชื่อ ปัวเมี๊ยะ (สีทอง) ถนน 430 วงเวียนตลาดเดิมถะโกว เขตจอมกามอน กรุงพนมเปญ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถพยาบาลมาควบคุมตัวไปสถานที่กักตัว ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ เตรียมดำเนินคดีทางกฏหมาย และขั้นตอนการควบคุมโรคต่อไป ตลอดจนเร่งตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีเข้าประเทศ และเส้นทางการติดต่อกับใครบ้างด้วย

  • องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ “ฝีดาษลิง” เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image