‘ชัชชาติ’ ลุยพื้นที่ปทุมวัน ลงชุมชนแฟลตรถไฟ-จรัสเมือง-บ่อนไก่ เน้นย้ำ ทุกชุมชนรับมือเพลิงไหม้ ชี้ กทม.มีหน้าที่เกลี่ยความเท่าเทียมในเมือง
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม., นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม., นางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ผอ.สำนักงานเขตปทุมวัน พร้อมทีมงานของ น.ส.เมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก.เขตปทุมวัน (อ่านข่าว ชัชชาติสัญจรปทุมวัน ชี้ปัญหาหลากรูปแบบ ‘จราจร’ เรื่องหลัก ‘ทางเท้า’ต้องปรับปรุงเพียบ ชุมชนวัดดวงแขเสี่ยงท่วม)
โดยในเวลา 14.10 น. นายชัชชาติ และคณะ เดินทางมายังชุมชนแฟลตรถไฟ (วัดดวงแข) ในขณะที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติและทีมงานยังคงเดินสำรวจพื้นที่ภายในชุมชนและรับฟังปัญหาในชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่มีผู้ร้องเรียนเรื่องของสายสื่อสารจำนวนมาก แต่ส่วนของพื้นที่มีการพัฒนามากขึ้นจากเมื่อก่อนมาก เรื่องของไฟฟ้าต้องให้ภายชุมชนมีแสงสว่างเพื่อความปลอดภัย
จากนั้น นายชัชชาติ เดินเท้าต่อไปยังบริเวณวัดดวงแขเพื่อดูพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วม โดยมีประชาชนมาขอให้นายชัชชาติเซ็นชื่อลงบนเสื้อที่เตรียมมา
ต่อมานายชัชชาติเดินต่อไปยังชุมชนจรัสเมือง ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งชุมชนนี้เป็นชุมชนที่มีประชาชนทำอาชีพรับจ้างซักรีดกันเป็นส่วนมาก โดยคนในชุมชนได้พากันออกมาถ่ายภาพร่วมกับนายชัชชาติ
จากนั้นเวลา 15.20 น. นายชัชชาติ เดินเท้าถึงชุมชนบ่อนไก่ โดยมี นายวีระชัย รื่นผกา ประธานชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ พานายชัชชาติไปดูปัญหาภายในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเรื่องของจำนวนรักเรียนและจำนวนครูผู้ดูแลที่น้อยมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของน้ำท่วมภายในบริเวณศูนย์ฯ เนื่องจากการตันของท่อน้ำภายในห้องครัวและห้องน้ำ ทำให้เมื่อเกิดฝนตกหนักน้ำจะไม่สามารถระบายออกได้และเอ่อล้นออกมาบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของศูนย์ เด็กจึงไม่สามารถใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมและนอนได้ นอกจากนี้ นายชัชชาติได้เดินสำรวจพื้นที่ในชุมชนที่เกิดเพลิงไหม้
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนบ่อนไก่มีที่อยู่กันหมดแล้ว มีบางส่วนที่ไปอยู่เขตสายไหม แต่ประชาชนก็เหมือนยังมีความหวังว่าจะได้กลับมาอยู่ที่เดิม แต่ตรงนี้เป็นพื้นที่ไฟไหม้ก็ต้องแล้วแต่เจ้าของที่ดิน คือสำนักงานจัดการทรัพย์สินเป็นผู้ตัดสินใจ
“เราคงดูแลเรื่องความพร้อมของอุปกรณ์ดับเพลิง แต่ละชุมชนก็ต้องดูให้มีถังดับเพลิงพร้อมและพยายามเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ มีการฝึกอบรมอาสาสมัครรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของเราด้วย และการประสานงานเวลาเกิดเหตุ โดยที่ผ่านมาเรื่องการประสานงานอาจจะยังไม่เป็นเอกภาพ ทำให้อาจเกิดปัญหาเรื่องการเข้าไปดับเพลิงให้รวดเร็ว คงต้องมีการฝึกซ้อมให้ครบถ้วน และมีการให้อาสาสมัครมาเป็นส่วนหนึ่ง ให้มีความภาคภูมิใจ มีการฝึกอบรม มีเครื่องแบบให้จะได้สั่งการได้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการซ้อมใหญ่ 1,500 คน ต้องมีกระบวนการว่ารถดับเพลิงจะเข้ามาอย่างไร”
ผมคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนนะ เราก็มาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ในยุทธศาสตร์ของเราก็ต้องทำเรื่องนี้ เราอาจจะไม่ได้เน้นเรื่องเมกะโปรเจ็กต์แต่เราเน้นเส้นเลือดฝอย ต้องดูเรื่องความพร้อมของแต่ละชุมชนว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ช่วงนาทีแรกๆสำคัญมากในการดับเพลิง ถ้าดับได้เร็วก็จะไม่ลามบานปลาย” นายชัชชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า ภาพรวมของชาวบ่อนไก่ตอนนี้หลายคนย้ายออกไปแล้วใช่หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ย้ายไปอยู่แถวบริเวณใกล้ๆนี้ เพราะต้องอยู่ใกล้แหล่งงาน ตอนนี้ก็ต้องดูให้ชุมชนปลอดภัยมากขึ้น ในแง่ของอนาคตก็ต้องให้เขาหลุดพ้นจากโคจรความยากจนให้ได้ ให้โอกาสทางการศึกษา ให้โอกาสทางสาธารณสุขให้ดีขึ้น อยากให้เขาไปติดกับเรื่องความเจ็บป่วยหรือการศึกษาที่ไม่ดี อย่างน้อยให้คนรุ่นลูกดีขึ้นก็อาจจะช่วยให้หลุดจากความยากจนได้ ใน กทม.เองเราคงจะไม่สามารถนำเงินไปจ่ายโดยตรงได้ เราก็คงให้เป็นแบบทางอ้อม เช่น ให้การศึกษา ดูแลเรื่องสาธารณสุขให้ดี ให้โอกาสในการทำมาหากิน ก็หวังว่ารุ่นลูกจะมีความเข้มแข็งขึ้น
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ผู้ว่าฯสัญจรทำไมจึงเน้นเรื่องของชุมชนเป็นพิเศษ นายชัชชาติกล่าวว่า จริงๆ แล้วในเมืองมีความเหลื่อมล้ำมาก มีคนที่รายได้สูง บางคนมีรายได้น้อย ซึ่งคนที่มีรายได้สูงก็ไม่ต้องการให้ กทม.ช่วยเหลืออะไร อาจจะมีบ้าง แต่จริงๆ กทม.มีหน้าที่เกลี่ยความไม่เท่าเทียม ให้เท่าเทียมกันมากขึ้น โจทย์เราคือต้องมาดูชุมชนให้ละเอียดด้วย เมืองเราขาดชุมชนไม่ได้ เพราะเขาคือคนที่ขับเคลื่อนเมือง เพราะฉะนั้น เมืองต้องมีครบทุกบริบท
“การลงมาชุมชนผมมองว่าเป็น 2 มิติ มิติที่ 1 คือการฟังปัญหาโดยตรง มิติที่ 2 คือให้ขวัญกำลังใจเขา ให้เห็นว่ามีคนที่ดูแลเขา และทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัว ไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่เราลงมา ทุกเขตก็ตื่นตัวมากขึ้น หลายคนก็พูดว่าเห็นความตื่นตัวของเจ้าหน้าที่มากขึ้น เราอยากให้ทีมงานเราเป็นอย่างไร เราก็ทำตัวอย่างนั้น อยากให้เขาลงพื้นที่ เราก็ลงพื้นที่” นายชัชชาติกล่าว