(12 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ยังคงขยายและลุกลามสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและเกษตรกรในหลายพื้นที่ อย่างเช่นที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์(เขื่อนระบายน้ำพิมาย) ยังคงต้องปิดประตูระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนที่จะไหลลงแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี เนื่องจากจะต้องรักษาปริมาณน้ำกักเก็บเหนือเขื่อนไว้ในการอุปโภคบริโภค โดยล่าสุดมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 2 ล้าน 9 หมื่นลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 52 เปอร์เซ็นต์ จากความจุกักเก็บ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ในพื้นที่ท้ายเขื่อนนั้นเกิดเป็นสันทรายโผล่ขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยในบางจุดนั้นประชาชนสามารถที่จะเดินข้ามไปมาได้
ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งยังส่งผลต่อเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมในพื้นที่บ้านใหม่ไทรงาม หมู่ที่11 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ที่อยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนนั้นต้องทำการสูบน้ำจากลำน้ำมูลที่กำลังแห้งขอด เข้าใส่พื้นที่เพาะปลูกที่ได้มีการทำเป็นร่องน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงต้นแตงโมที่กำลังออกผลผลิตภายในสวน หลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจนทำให้ผลแตงโมที่ออกมานั้นเริ่มมีลักษณะที่หงิกงอ ผลเหี่ยวจากการขาดน้ำ อีกทั้งลำต้นใบก็เริ่มมีลักษณะเป็นสีเหลืองใกล้แห้งตาย
นายเทพดุษดี บัวจัตุรัส อายุ 43 ปี เกษตรกรผู้ปลูกแตงโม เปิดเผยว่า ตนเองนั้นได้หันมาปลูกแตงโม แทนการปลูกข้าว เนื่องจากเป็นพืชที่ใช้น้ำในการดูแลน้อย อายุการปลูกและเก็บเกี่ยวจะอยู่ประมาณ 60-70 วัน โดยตนเองนั้นได้ปลูกทั้งสิ้น 30 ไร่ แต่ขณะนี้ตนเองต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำในการใช้เลี้ยงดูแตงโมที่ปลูก เนื่องจากน้ำภายในลำน้ำมูลนั้นเริ่มแห้งขอด ดังนั้นเมื่อจะสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้ต้นแตงโมของตนเองขณะนี้กำลังประสบปัญหาผลแตงโมที่ออกมาไม่ได้ขนาด และเริ่มเหี่ยว อีกทั้งลำต้นก็เริ่มเหลืองเพราะขาดน้ำ ซึ่งคาดว่าหากภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่มีน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงต้นแตงโมก็จะต้องยืนต้นตายทั้งหมดอย่างแน่นอน
