เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พสกนิกรต่างจูงมือลูกหลานและครอบครัว หลั่งไหลมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จนแน่นพื้นที่ท้องสนามหลวง ท่ามกลางแดดร้อนจัด ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลมาเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนหนาแน่นพื้นที่เช่นกัน ซึ่งเกิดความสับสนว่าจะเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่ประตูใด นักท่องเที่ยวบางคนจะไปเข้าทางประตูเทวาภิรมย์เพราะเห็นว่าคนเยอะ ซึ่งเป็นประตูทางออกนอกพระบรมมหาราชวังของผู้มาถวายสักการะ แต่ความสับสนวุ่นวายก็ค่อยๆ คลี่คลายเมื่อมีจิตอาสาแปลภาษาต่างประเทศมาอธิบายทำความเข้าใจ
นายสมยศ สุนทรวิภาต อายุ 72 ปี ข้าราชการบำนาญ สมัครใจมาเป็นจิตอาสาแปลภาษาอำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่แถวประตูเทวาภิรมย์ ด้านข้างพระบรมมหาราชวัง กล่าวว่า วันนี้และพรุ่งนี้นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนชาวไทยที่มาถวายสักการะพระบรมศพก็มามากเช่นกัน อาจทำให้เกิดความสับสน นักท่องเที่ยวบางคนหาทางเข้าไม่ได้ คิดว่าประตูเทวาภิรมย์คือทางเข้าเพราะเห็นคนเยอะ บางคนไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อาจได้รับคำอธิบายไม่เข้าใจ และไม่สะดวกจะพานักท่องเที่ยวมาเข้าประตูวิเศษไชยศรี ซึ่งพอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการต่างประเทศ เปิดรับอาสาสมัครแปลภาษา ตนซึ่งพอมีความสามารถทางด้านภาษาจึงสมัครมาร่วมเป็นจิตอาสา ร่วมกับนิสิตนักศึกษาอีกหลายสิบชีวิต เพื่อมาช่วยอำนวยความสะดวกและอธิบายให้ถูก ซึ่งวันแรกนี้มีอาสาสมัครแปลภาษา 10 ภาษา เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เป็นต้น
นายสมยศกล่าวอีกว่า อย่างวันนี้มีชาวอเมริกันมาถามว่าคนและงานที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นเทศกาลอะไรของเมืองไทย ก็บอกไปว่าไม่ใช่ เป็นพิธีถวายสักการะพระบรมศพพระมหากษัตรย์ที่เพิ่งสวรรคต เขาก็เข้าใจและยอมรับว่าไม่ทราบมาก่อน ไม่คิดว่าเมืองไทยจะจัดงานถวายพระเกียรติพระองค์ยิ่งใหญ่และคนมาเยอะขนาดนี้ เพราะอย่างประธานาธิบดีของเขาเสียชีวิต ก็แค่ลดธงครึ่งเสา และคนอเมริกันเสียใจ แต่ไม่ถึงขนาดนี้ ทั้งนี้ ตนได้มาถวายสักการะแล้วเมื่อวาน วันนี้ตั้งใจมาเป็นอาสาสมัครที่เปิดเป็นวันแรก และตั้งใจจะมาอีกในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีคนต่างชาติมาเที่ยวมาก
“มาตรงนี้ไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีอาหารและน้ำดื่ม ใช้ใจอาสาล้วนๆ ซึ่งผมภูมิใจและนึกถึงคำสอนพระองค์ ที่อยากให้คนไทยมีจิตใจช่วยเหลือกัน แม้จะช่วยเหลือกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ยังทำให้ผมแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว แต่ก็มาช่วยเป็นคอลเซ็นเตอร์แปลภาษามือให้ตู้ แปลภาษามือ TTRS ให้คนหูหนวก” นายสมยศกล่าว
น.ส.กนกวรรณ วุศรุตกิจการ อายุ 34 ปี ครูติวเตอร์วิชาคณิตศาสตร์ สมัครใจเป็นจิตอาสาพาเที่ยววัดพระศรีรัตนศาสดาราม และสถานที่สำคัญโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ มาทำหน้าที่จิตอาสาพาเที่ยว ใช้ความรู้ความสามารถที่มีเพื่อทำให้บ้านเราน่าอยู่ เหมือนกับจิตอาสาที่มาช่วยแจกอาหาร มาเก็บขยะ มอเตอร์ไซค์ฟรี ทั้งนี้ เพราะกรุงเทพฯเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ของโลก แม้จริงอยู่ว่าทุกคนเสียใจกับการสวรรคตของพระองค์ แต่การท่องเที่ยวต้องอยู่รอด เพราะที่ผ่านมาหลายทัวร์ยกเลิกไปเพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ คิดว่าเข้าไม่ได้ แต่จริงๆ สำนักพระราชวังเปิดขายบัตรให้เข้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว ตนก็พยายามอธิบายออกไป รวมถึงช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แม้จะมีมาก แต่อาจไม่เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากกว่า
“อย่างมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เขาไม่รู้ ตกใจเข้ามาถามว่า ทำไมคนไทยต้องใส่ชุดดำ ทำไมต้องมาแจกของ นี่เป็นกิจกรรมใหญ่อะไร ดิฉันก็อธิบายไปและบอกว่า ทั้งหมดนี้คือน้ำใจคนไทย เขาก็เข้าใจและแปลกใจว่าคนไทยใจดี ซึ่งดิฉันก็อธิบายอีกว่า การแจกของของคนไทย ยึดตามหลักพระพุทธศาสนา ดั่งการให้ทานซึ่งได้บุญ ในการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหากษัตริย์ที่สวรรคต เขาก็เข้าใจ แสดงความเสียใจ และให้กำลังใจขอให้ผ่านไปให้ได้ ทั้งยังบอกว่าไปมาหลายประเทศเห็นผู้นำและกษัตริย์สวรรคต แต่ก็ไม่มีประเทศใดยิ่งใหญ่เท่านี้ โดยเฉพาะน้ำใจของคนไทย” น.ส.กนกวรรณกล่าว
