‘อนุทิน’ จวก ‘อ.เจษฎา’ หิวแสง ทำปชช.สับสน แนะทำหน้าที่ตัวเองให้ดี หลังโพสต์ โมลนูฯมีผลกลายพันธุ์

อนุทิน ลั่น! อย่าระบายอารมณ์ แต่ปชช.สับสน แนะทำหน้าที่ตัวเองให้ดี หลังมีวาทกรรม “กลายพันธุ์จากหนูเป็นตัวเงินตัวทอง”

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์กรณีที่ รศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการแพทย์ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของระบบสาธารณสุข ด้านการแพทย์หรือไม่ ว่า ตามที่ดูข่าวก็เห็นว่า รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในฐานะ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้สั่งสอนแล้ว เรื่องแบบนี้ต้องเชื่อแพทย์อยู่แล้ว ท่านอาจารย์ฉันชายก็มีความรู้เรื่องการใช้ยารักษาโควิด-19 โดยตรง คำถามหากเราป่วยควรเชื่อแพทย์ หรือคนไม่ใช่แพทย์ ซึ่งคำตอบอยู่ในตัวแล้วว่าต้องเชื่อแพทย์ สธ.ก็สื่อสารตลอดว่า อย่าเชื่อข้อมูลจากผู้ไม่เกี่ยวข้อง เพราะแพทย์ทุกคนมีความรู้ ประสบการณ์ในการรักษาโรคมากที่สุด

“แพทย์สาธารณสุข ทำงานโควิด-19 มา 3 ปีแล้ว มีความชำนาญในการรักษาผู้ป่วย ดังนั้นคนที่หิวแสงแบบนี้ก็ไม่ควรให้ความน่าเชื่อถือ คอนเม้นท์ต่างๆ ก็มีอคติ ทำไมไม่ไปกังวลเรื่องฝีดาษลิงมากกว่า อย่าเขียนระบายอารมณ์ ให้ข้อมูลแบบนี้กับประชาชน ทำงานตัวเองให้ดีที่สุดก่อน” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าโควิด-19 เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ปัจจุบันยังมีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลที่อาจเกิดความสับสน สธ.จะต้องสื่อสารความเข้าใจกับนักวิชาการอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ตนได้พบกับอธิบการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วมาให้ข้อมูล แต่เป็นเรื่องบุคลากรที่ต้องจัดการกันเอง

Advertisement

“ขนาดผมอยู่กับแพทย์มากกว่า เวลาผู้สื่อข่าวถามเรื่องใช้ยา ผมยังไม่กล้าพูดเรื่องการใช้ยา ทุกอย่างเป็นเรื่องทางเทคนิกที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน ยาเถื่อนเราก็เร่งจับ ร่วมมือกับตำรวจไปจับมา สินค้าดูดี อาจเป็นยาจริง แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จับมาก็ต้องทำลายเราไม่ใช่คำว่ายาแท้ ยาปลอม แต่เป็นยาเถื่อน ไม่เอาไปบริจาคอยู่แล้ว เพราะผิดกฎหมาย” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงวาทกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากที่ สธ.ให้ข้อมูลว่าการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ มีผลต่อการกลายพันธุ์ในสัตว์ทดลอง ซึ่งทาง รศ.เจษฎา ได้เคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวว่า ผลการกลายพันธุ์ทำให้หนูกลายเป็นตัวเงินตัวทอง นายอนุทินกล่าวว่า อย่าไปขยายความเลย ต้องดูว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่

“ทดลองกับหนูแล้ว กลายพันธุ์เป็นตัวเงินตัวทอง คำพูดว่ากลายพันธุ์ไม่ได้หมายถึงกลายสภาพไป แต่อย่างกลายพันธุ์เบต้ามาเป็นเดลต้า ยังมีพื้นฐานเดิมอยู่ แต่กลายจากอย่างหนึ่งเป็นอย่างหนึ่ง เป็นก็อตซิล่า ไม่ใช่แบบนั้น นี่แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ เป็นการเขียนโดยอารมณ์ที่แปรปรวน ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ ไม่ควรเอามาขยายความต่อ แสดงให้เห็นถึงอคติอย่างรุนแรง ควรไปพบแพทย์รักษา” นายอนุทินกล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์เชิงแนะนำว่า ยารักษาโควิด-19 เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำรองในบ้าน ว่า เราต้องดูเจตนาว่าเป็นการตั้งใจ โฆษณาให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ เพราะการที่ประชาชนไปหาซื้อยาเอง เป็นเรื่องที่ไม่ควรอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยารักษาโควิด-19 ไม่ได้ถูกปิดกั้นการนำเข้าโดยเอกชน เพราะที่มีการให้ทะเบียนไปก็มีแต่เอกชน อย่างฟาวิพิราเวียร์ อนุญาต 3 รายและมีที่ผลิตในประเทศ โมลนูพิราเวียร์อนุญาต 3 ราย ซึ่งบริษัทที่ได้รับอนุญาตจะมีข้อมูลว่า ขายยาไปให้เอกชนรายใดต่อหรือไม่ ซึ่งหากเป็นการขายที่ถูกต้องจากผู้ที่ได้รับอนุญาตนำเข้า ก็สามารถทำได้ในรพ.หรือคลินิกเอกชน เพียงแต่ยาโควิดต้องเป็นการจ่ายโดยแพทย์ ไม่ใช่ประชาชนไปหาซื้อเองตามออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเข้าไปพบแพทย์เพื่อให้มั่นใจจะได้รับยาที่นำเข้าถูกต้อง และการใช้ยาเพื่อให้ถูกต้องกับอาการของโรค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image