กทม.เตรียมขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง ปรับมาตรการเกษียณ บูรณาการแผนที่น้ำท่วมเชื่อมทราฟฟี่ฟองดูว์

กทม.เตรียมขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง บูรณาการแผนที่น้ำท่วมเชื่อม Traffy Fondue และกำชับเขตตรวจเข้มสถานบริการ

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ห้องประชุมและวางแผน WAR ROOM ชั้น 35 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 16/2565 โดยมีคณะผู้บริหาร กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ภายหลังการประชุม นายวิศณุเปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารในวันนี้ มีเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร กทม. โดยจะมีการปรับระบบลูกจ้าง กทม. มี 3 ประเด็นหลัก คือ

1.การปรับระดับชั้นงานของลูกจ้างประจำ ซึ่งมีเรื่องขยายกรอบเงินเดือนเพิ่มขึ้น 4 ตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งพนักงานเทศกิจ

Advertisement

2.ปรับมาตรการการเกษียณอายุราชการของลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว

3.การปรับการกำหนดกรอบลูกจ้างประจำเพิ่มใหม่ ซึ่งในปีหน้าจะมีการปรับใช้กรอบอัตราลูกจ้างประจำมาใช้กรอบอัตราลูกจ้างชั่วคราวแทนในบางส่วน เพื่อให้สามารถกำหนดกรอบอัตราลูกจ้างประจำเพิ่มใหม่ในปี 2566-2570 เป็นต้นไป สำหรับรายละเอียดหลักเกณฑ์ ก.ก.จะมีการพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้มีเรื่องการใช้องค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชมาช่วยส่งเสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ กทม. ทั้งลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว พยายามให้มีการอบรมโดยใช้องค์ความรู้ที่เรามีให้มากขึ้น

รศ.ดร. วิศณุกล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่งคือการบูรณาการแผนที่น้ำท่วมในพื้นที่เส้นเลือดฝอย บริเวณจุดน้ำท่วมตามตรอกซอกซอย ที่ท่านผู้ว่าฯกทม.ให้ทางเขตรายงานเข้ามา ตอนนี้ สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ได้พัฒนาระบบการนำเข้าข้อมูลเส้นทางน้ำท่วมจากสำนักงานเขต และสำนักการระบายน้ำผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ตอนนี้อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อเชื่อมต่อกับ Traffy Fondue เพื่อให้สามารถดูผลย้อนหลังได้ว่า ตำแหน่งน้ำท่วมบริเวณใดเกิดซ้ำซากบ้าง ปริมาณน้ำฝนเท่าไหร่ถึงจะท่วม เป็นต้น เพื่อจะได้หาทางป้องกันในอนาคต นี่คือการบูรณาการข้อมูลให้ออกมาเชิงแผนที่ และจะพยายามประมวลผลให้สื่อสารง่ายกับประชาชน ตอนนี้มีการปรับระบบให้สามารถนำเข้าข้อมูลผ่านมือถือ (Smart Phone) ได้ เพื่อการนำเข้าข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

Advertisement

“สำหรับความคืบหน้าเรื่องสถานประกอบการ เมื่อเดือนที่แล้วได้ออกตรวจ 494 แห่ง มีการตรวจพบ 83 แห่งที่ยังไม่ถูกต้อง ตอนนี้ได้สั่งปิดไปแล้ว 3 แห่ง อยู่ระหว่างการดำเนินคดี 2 แห่ง ผู้ประกอบการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว 4 แห่ง ออกหนังสือให้แก้ไขแล้ว 12 แห่ง อยู่ระหว่างออกหนังสือแก้ไข 62 แห่ง” รศ.ดร.วิศณุกล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวเสริมว่า ตามนโยบายของท่านผู้ว่าฯกทม. ตั้งแต่เข้ามาบริหาร กทม. มีเรื่องไฟไหม้อยู่บ้าง ทำให้มีการกวดขันเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากหลังสถานการณ์โควิด-19 สถานบริการเปิดมากขึ้น และมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงมีการตรวจที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารทั้งหมด และลักษณะการใช้พื้นที่ด้วย โดย 83 แห่งที่ตรวจพบว่าไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น มีช่วงเวลาที่สถานประกอบการปรับปรุง บางรายได้ตักเตือนด้วยวาจาเพราะสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว หรือที่พบว่าเป็นอันตรายไม่สามารถเปิดได้ ให้ปิดเพื่อทำการแก้ไข หากไม่แก้ไขก็เปิดไม่ได้

ทั้งนี้ ก่อนคณะผู้บริหารชุด ผู้ว่าฯ ชัชชาติเข้ามา เดิม กทม.ใช้ ศบค.กทม.ในการตรวจสถานประกอบการอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจเป็นการตรวจที่มุ่งเน้นในการตรวจโรค เรื่องการเป็นแหล่งแพร่เชื้อ หรือคลัสเตอร์ พอท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ เข้ามาบริหาร กทม. จึงให้ตรวจในเรื่องของความปลอดภัยด้วย สำนักเทศกิจและสำนักงานเขตต้องรายงานทุกอาทิตย์ว่า มีสถานประกอบการที่ตั้งข้อสงสัยว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องทั้งในเรื่องโรค และการประกอบการที่ไม่ถูกต้อง และอาจจะมีบางจุดที่มีความเสี่ยง เป็นการตรวจทุกอาทิตย์ ซึ่งการตรวจในแง่ของความปลอดภัยสามารถตรวจทั้ง 2 เรื่องไปพร้อมๆ กันได้ โดยสำนักงานเขตมีการตรวจวนรอบทุกอาทิตย์ โดยมีรายละเอียดอยู่แล้วว่าร้านไหนเป็นอย่างไร ก็ช่วยทำให้เราติดตามได้มากขึ้น

ผศ.ดร.ทวิดากล่าวว่า อีกส่วนหนึ่ง คือ สำนักงานเขตมีแผนการตรวจในเรื่องของความปลอดภัยอยู่แล้ว นอกจากการตรวจของสำนักการโยธา ซึ่งเป็นการตรวจเรื่องโครงสร้าง การใช้พื้นที่ตามมาตรฐาน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจร่วมกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแง่ของความปลอดภัย เช่น มีวัสดุมีความเสี่ยง สายไฟอยู่ใกล้กับหม้อแปลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งสำนักงานเขตตรวจด้วย และยังมีที่สำนักงานเขตตรวจเองนอกจากรอบ 7 วัน เช่น ตรวจตามข้อร้องเรียนเพิ่มเติม พยายามอย่างยิ่งที่จะตรวจให้ครบทุกที่ที่มีข้อสงสัยให้ได้ และร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือหน่วยงานอื่นที่เป็นกองตรวจพิเศษ เพื่อให้รอบคอบและรัดกุมขึ้น

“ที่สำคัญที่สุด ขอให้สถานประกอบการ และประชาชนที่เข้าไปใช้บริการ ควรมีการสื่อสารที่เห็นได้ชัดเจน ประตูทางออกฉุกเฉินมีอยู่ตรงไหนบ้าง วัสดุมีอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อถึงเวลาไปภายในร้านอาจจะมืด คนอาจจะเยอะ อยู่ดีๆ อาจจะมีวัสดุกีดขวาง ทั้งที่ตอนไปตรวจทุกอย่างดี แต่พอเกิดอะไรขึ้นจะเกิดการสับสน เพราะฉะนั้นทางผู้ประกอบการก็ต้องทำสัญลักษณ์ต่างๆ ให้เห็นได้ชัด และต้องสื่อสารเวลาที่มีลูกค้าไปใช้บริการ ถ้าหากช่วยกัน เชื่อว่าจะสามารถทำให้ปลอดภัยขึ้นได้” ผศ.ดร.ทวิดากล่าว

ด้าน นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า กทม.มีการตรวจทุกสัปดาห์ ตรวจทั้งสถานประกอบการและเรื่องของโควิด-19 โดยตรวจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงประตูทางออก ซึ่งผู้ว่าฯกทม.มอบนโยบายให้ตรวจทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไรและในช่วงเวลาเปิดบริการเป็นอย่างไร กำชับด้วยว่าห้ามเปิดเกินเวลาที่กำหนด และให้คำแนะนำผู้ประกอบการ จากการตรวจสอบล่าสุด ในส่วนของเขตจตุจักร มีร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน 38 แห่ง สำหรับสถานประกอบการที่ไม่ได้มาตรฐานและมีการแสดงดนตรีให้ยกเลิกการแสดงดนตรีทั้งหมดถ้าไม่ถูกต้อง เพราะจะไปคล้ายกับสถานบริการ ให้ขายอาหารได้อย่างเดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image