กรมประมงทำพิธีปิดอ่าวฤดูวางไข่สัตว์ทะเล 3 เดือน ฟื้นฟูทรัพยากรให้กลับมาสมบูรณ์

(12 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีสักการะดวงพระวิญญาณ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และพิธีประกาศปิดอ่าวในฤดูปลาวางไข่และสัตว์น้ำเลี้ยงตัวอ่อนในพื้นที่ 3 จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2559 โดยมี นายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายมีศักดิ์ ภักดีคง รองอธิบดีกรมประมง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวประมงในพื้นที่ประมาณ 300 คน ร่วมต้อนรับ

นายมีศักดิ์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมประมงไทยนำเงินเข้าประเทศได้ปีละกว่า 100,000 ล้านบาท ในขณะที่ศักยภาพทางการประมงได้มีการพัฒนาไม่หยุดยั้ง ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำลดน้อยลงทุกปี เนื่องจากธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ทันต่อความต้องการ การดูแลฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำจึงเป็นนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงได้ใช้มาตรการ “ปิดอ่าว” ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคมของทุกปี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 24,000 ตารางกิโลเมตร คือพื้นที่บางส่วนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยห้ามใช้เครื่องมือทำประมงบางชนิด ที่ส่งผลต่อการแพร่พันธุ์ของพ่อแม่พันธุ์และสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะปลาทูที่ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจของประเทศ จากข้อมูลหลังการปิดอ่าวเมื่อปี 2558 พบว่า สัตว์น้ำและปลาทูมีจำนวนเพิ่มขึ้นก่อนปิดอ่าวถึง 3.13 เท่า ผลผลิตในภาพรวมของปี 2558 ตลอด 9 เดือนมีปริมาณอยู่ที่ 86,811.26 ตัน สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553-2555

201602121356207-20021028190522

“มีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มประชาสัมพันธ์และนิทรรศการ 2.กลุ่มควบคุมและปราบปราม โดยบูรณาการร่วมกับศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ประกอบ ด้วย หน่วยงานคือ กรมประมง กองทัพเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมศุลกากร ใช้เรือตรวจการณ์ 37 ลำ ออกลาดตระเวนป้องปรามมิให้มีการทำผิดกฎหมายในช่วงปิดอ่าว 3.กลุ่มติดตามผลและดำเนินคดีผู้กระทำความผิด และ 4.กลุ่มประเมินผลทางวิชาการ จึงอยากขอความร่วมมือชาวประมงทุกคนว่าอย่าทำผิดกฎหมาย เพราะมีโทษปรับตั้งแต่ 5 หมื่นบาทสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ซึ่งขึ้นกับขนาดของเรือประมงที่ทำผิด” นายมีศักดิ์กล่าว

ADVERTISMENT

201602121356207-20021028190522201602121356205-20021028190522

จากนั้น พล.อ.ปัฐมพงศ์และผู้ร่วมพิธีได้ร่วมกันปล่อยเรือตรวจการณ์จำนวน 37 ลำ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 1,300,009 ตัว (กุ้งแชบ๊วย 1 ล้านตัว กุ้งกุลาดำ 3 แสนตัว เต่าทะเล 9 ตัว) ลงสู่ทะเล