ชัชชาติสัญจรทุ่งครุ เปิด 3 ปัญหาหลักคือรถติด-น้ำท่วม-ไร้โรงพยาบาล ส.ก.ทุ่งครุแนะพัฒนาคลองช่วยการท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. และนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ร่วมประชุมผู้ว่าฯสัญจร ที่สำนักงานเขตทุ่งครุ โดยมี นายณรงค์ ตาปสนันทน์ ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ เข้าร่วมประชุมด้วย
เวลา 12.27 น. หลังจบการประชุม นางจิตรา บำเพ็ญนรกิจ และครอบครัว ผู้บริจาคที่ดินบริเวณซอยประชาอุทิศ 86 จำนวน 4 ไร่ ให้แก่กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานเขตทุ่งครุ เข้าพบและพูดคุยกับนายชัชชาติหลังเดินทางมารอพบตั้งแต่ช่วงเช้า
เวลา 12.35 น. นายชัชชาติแถลงหลังการประชุมว่า เขตทุ่งครุเป็นเขตที่มีการขยายตัวของประชากรมาก มีสะพานข้ามแม่น้ำหลายแห่ง ทำให้เดินทางเข้าเมืองสะดวก มีหมู่บ้านเข้ามา 125 โครงการ ประชากรรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.2 แสนคน
“ทุ่งครุเป็นเขตที่เจริญเติบโตเร็ว แต่ก็มีปัญหาตามมา เรื่องการจราจรเป็นปัญหาอับดับหนึ่ง เพราะว่ามีถนนเส้นหลักคือถนนเลียบด่วน ถนนประชาอุทิศ และถนนพุทธบูชา ซึ่งหลักๆ คือถนนเลียบด่วนและถนนประชาอุทิศที่รถติดมหาศาล ตรงนี้จะไปดูว่าแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ความจริงแล้วมีโครงการที่จะทำเป็น one way เป็น loop เพื่อให้ลดการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตัดกัน ซึ่งประชาชนอาจไม่เห็นด้วย คงไปดูอีกทีว่าจะแก้อย่างนี้ดีหรือไม่” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ปัญหาต่อมาคือเรื่องน้ำท่วม เท่าที่ฟังไม่ได้เยอะมาก ยกเว้นพื้นที่ที่เป็นซอยเอกชน ซึ่งยังไม่ได้ทำให้เป็นสาธารณะ ซึ่ง กทม.ยังเข้าไปดูแลละเอียดไม่ได้
“เท่าที่ฟังไม่ได้มีปัญหามาก เพราะมีระบบคลองที่ค่อนข้างไปได้หลายทาง ส่วนเรื่องระบบสาธารณสุขเป็นเรื่องที่คงต้องดูให้ละเอียดขึ้น เพราะในเขตทุ่งครุไม่มีโรงพยาบาลเลย โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่มี โรงพยาบาลราชการอื่นก็ไม่มี มีศูนย์สาธารณสุขอยู่ 2 แห่ง คือศูนย์บริการสาธารณสุข 54 กับศูนย์บริการสาธารณสุข 59 ซึ่งปัญหาคือศูนย์บริการสาธารณสุข 54 ยังมีอัตราไม่ครบ จึงได้ฝากรองฯทวิดาให้เร่งหาอัตราเข้ามาเพิ่มเติม และต้องดูความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องมีโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้เพราะประชาชนขยายตัวสูงขึ้น ก็เป็นจุดที่ต้องไปดูในภายหลัง” นายชัชชาติกล่าว
จากนั้นนายชัชชาติกล่าวถึงพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ และศูนย์ฝึกอาชีพในเขตทุ่งครุ
“เขตทุ่งครุมีทั้งพิพิธภัณฑ์เด็กแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นจุดสำคัญแต่เราก็ได้เน้นย้ำไปว่าต้องพยายามพัฒนาเนื้อหาให้ดี ให้เด็กและผู้ปกครองอยากมา มีศูนย์กีฬาทุ่งครุขนาดใหญ่ มีที่อบรมลูกเสือด้วย ดังนั้น ความจริงแล้วมีพื้นที่หลายที่ที่จะพัฒนาให้เข้มแข็งขึ้นได้ เพราะมีพื้นที่และมีพื้นที่โรงเรียนฝึกอาชีพ ตรงนี้ต้องเอาโปรแกรมต่างๆ เข้ามาเพื่อคนทุ่งครุ และพื้นที่นี้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ พรรคเพื่อไทย แนะนำคือการพัฒนาคลองบางมด ซึ่งเป็นคลองหลักของเขตทุ่งครุ อยากได้ทางริมคลองและไฟแสงสว่าง เพื่อให้ช่วยการสัญจรมากขึ้นและช่วยการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น มีพิพิธภัณฑ์ชุมชนเล็กๆ อยู่ในคลองบางมดใต้สะพาน ก็อยากให้มีการเปิดปิดและมีคนเข้าไปดูแลได้ ตรงนี้ผมว่าเป็นอัตลักษณ์ชุมชนที่เราอยากจะส่งเสริมอยู่แล้ว“ นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวสรุปว่า เขตทุ่งครุภาพรวมคือเป็นเขตที่ประชากรมีอยู่หนาแน่น การจราจรมีปัญหา รถไฟฟ้ามาใกล้ที่สุดคือถนนสุขสวัสดิ์ รถไฟฟ้าสีม่วง ซึ่งไม่ได้ผ่านมาที่ทุ่งครุ เพราะฉะนั้นอนาคตอาจจะต้องดูว่ามีการเชื่อมโยงอย่างไร มีฟีดเดอร์เป็นรถเมล์ หรือตัดถนนเพิ่ม มีถนน 2 สายจากถนนผังเมืองที่อยู่ในแนวทางเวนคืนอยู่ ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการอยู่
ต่อมา เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโรคไข้หวัดมะเขือเทศทาง กทม.จะมีการจัดการอย่างไร นายชัชชาติกล่าวว่า อาจารย์ทวิดาบอกว่าโรคไข้หวัดมะเขือเทศมีลักษณะไม่แตกต่างจากฝีดาษลิง แต่ยังไม่มีรายงานเข้ามาในประเทศไทย มีในต่างประเทศ ซึ่งมาตรการคงไม่แตกต่างจากโรงติดต่ออื่น และก็จะมีรายงานทุกวันอังคารในที่ประชุมของเรื่องโรคติดต่อของกรุงเทพฯ ต้องเฝ้าระวัง นอกจากนี้ ยังเป็นโรคที่ติดในเด็กได้ง่ายเหมือนมือเท้าปาก ซึ่งต้องเฝ้าระวังเหมือนกัน และใช้แผนเหมือนกับโรคมือเท้าปากเป็นหลักและอาจให้เฝ้าดูอาการ
“การเฝ้าดูอาการผมคิดว่าสำคัญ เพราะถ้าสาธารณสุขวินิจฉัยอาการได้เร็วเหมือนกรณีฝีดาษลิง ถ้าเกิดเห็นแล้ววินิจฉัยได้ถูก ทำให้หยุดการแพร่กระจาย แต่ถ้าวินิจฉัยผิด เกิดปล่อยออกไป ก็ไปแพร่กระจายได้ ก็จะเป็นปัญหา เพราะฉะนั้น ของเราเองก็ต้องให้ความรู้กับบุคลากรด้วยโดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ที่อาจไม่เคยเจอมาก่อน” นายชัชชาติกล่าว
