ยธ.-ทีไอเจ เปิดเวที ACCPCJ ยกระดับความร่วมมือ-ป้องกันอาชญากรรม ถก 3 ประเด็น เด็ก-ค้าสัตว์ป่า-ราชทัณฑ์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมอาเซียนว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ครั้งที่ 1(THE 1ST ASEAN CONFERENCE ON CRIME PREVENTION AND CRIMINAL JUSTICE-ACCPCJ) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย.นี้ ภายใต้หัวข้อ“การยกระดับมาตรการป้องกันอาชญากรรมและสถาบันยุติธรรมทางอาญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาคมอาเซียน” ซึ่งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือทีไอเจ โดยนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทีไอเจ และกระทรวงยุติธรรม (ยธ.)ร่วมกันขึ้น เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการปฏิบัติที่ดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือทางกฎหมาย การป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งเสริมการดำเนินงานด้านความยุติธรรมางอาญาอย่างบูรณาการ และสนับสนุนการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน
โดยมีผู้เข้าร่วมงาน เช่น พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมถึงผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน หน่วยงานภาครัฐในประเทศอาเซียน องค์กรอาเซียน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ เยาวชนจากทั้งในและนอกอาเซียน และผู้แทนสถาบันในเครือข่ายสหประชาชาติด้านอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากประเทศไทยได้ริเริ่ม หลังจากได้ประชุมผู้บริหารอาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย และการประชุมรัฐมนตรีกฎหมายอาเซียน แต่เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความเชื่อมโยงกันที่จะนำข้อสรุปและผลการประชุมไปดำเนินการหรือบูรณาการให้ภายในประเทศและระหว่างอาเซียน เราจึงริเริ่มและเสนอในการประชุมรัฐมนตรีกฎหมายอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียว่าเราจะทำเรื่องนี้ และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงได้ค้นคิดสถาบันทีไอเจขึ้นมา ซึ่งสถาบันนี้มีหน้าที่ค้นคิดเรื่องงานวิจัยและงานในลักษณะเชิงวิชาการ จึงมองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ว่าจะสามารถเชื่อมโยงระหว่างเรากับต่างประเทศได้ เราก็ได้แก้ไขพระราชบัญญัติให้สถาบันทีไอเจมีหน้าที่ขยายงานด้านการยุติธรรมมากขึ้น
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังทำงานบูรณาการอยู่ 2 เรื่อง งานบูรณาการกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรามีหน่วยงานอย่างสำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งทำงานบริการด้านกระบวนการยุติธรรมในประเทศ และสถาบันทีไอเจที่จะทำงานระหว่างเรากับต่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ ทั้งนี้ เราต้องการสร้างความเชื่อมั่นอาเซียนว่าหากเราทำลักษณะนี้จะทำให้การประชุมและการทำงานด้านกฎหมายอาเซียนเกิดการบูรณาการขึ้นมา ถ้าวันนี้ได้รับการยอมรับการพัฒนากฎหมายในอาเซียนจะได้รับการขยาย ซึ่งเราก็หวังว่าทุก 2 ปีเราจะทำ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เราอยากผลักดันเรื่องความเป็นผู้นำด้านกระบวนการยุติธรรมให้ได้
ด้าน นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า กลไกของอาเซียนนั้น ด้วยความที่หน่วยงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมต่างกัน เวลาที่มีการประชุมเช่นเจ้าหน้าที่อาวุโสทางกฎหมายบางครั้งบางประเทศก็ไม่มีงานของราชทัณฑ์ ดังนั้น การพูดคุยก็จะไม่สามารถบูรณาการงานด้านกระบวนการยุติธรรมได้ทั้งหมด รัฐบาลไทยจึงเสนอให้มีเวทีกลางเรียนแบบเวทีสหประชาชาติที่เปิดให้นักนโยบาย นักวิชาการ และเอ็นจีโอ ได้มีส่วนเข้ามาให้แนวคิดที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดีในเรื่องต่างๆ และผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมได้เข้ามารับฟังและนำไปใช้ตามความเหมาะสมได้ด้วย
นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหัวข้อการประชุมในครั้งนี้ ได้นำเรื่องที่อาเซียนให้ความสนใจ คือ 1.มาตรการองรับภัยคุกคามใหม่ด้านการลักลอบการค้าสัตว์ป่าและค้าไม้ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน 2.ยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมในกลุ่มเด็กและเยาวชนในเขตเมือง และ 3.มาตรการฟื้นฟูผู้กระทำผิดและการปฏิรูประบบราชทัณฑ์ให้ตอบสนองต่อกลุ่มเปราะบาง ซึ่งในวันที่ 10 พ.ย.นี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษสถาบันทีไอเจ จะเสด็จเข้าร่วมในประชุมในหัวข้อที่ 3 และประทานพระดำรัสในประเด็นดังกล่าวด้วย
นายกิตติพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในระหว่างการประชุมยังจัดให้มีเวทีวิชาการเพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัย ในประเด็นเกี่ยวข้อง เช่น บทบาทของผู้หญิงในกระบวนการยุติธรรม และการแนะนำผลงานของสถาบันในเครือข่ายแผนงานสหประชาชาติ ด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (UN-PNI) นอกจากนี้ทีไอเจยังจัดในเวทีคู่ขนาน TIJ YOUTH FORUM ในช่วงเวลาเดียวกันภายใต้หัวข้อ “การป้องกัน อาชญากรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผู้แทนเยาวนชนทั้งในและนอกอาเซียน เข้าร่วมกว่า 40 คน และจะได้นำเสนอลผลปการปะชุมของเวทีเยาวชนในช่วงสุดท้ายของการประชุมด้วย
