มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จับมือ สสส. กรมสตรี เปิดคู่มือ ‘แก้ความรุนแรงในชุมชน’

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จับมือ สสส. กรมสตรี เปิดคู่มือ ‘แก้ความรุนแรงในชุมชน’

คนไทยยังคงเผชิญสถานการณ์ความรุนแรง หากจะแก้ปัญหานี้ได้ ต้องเริ่มตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน

จึงเป็นที่มาความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จัดทำคู่มือการพัฒนางานคุ้มครองสวัสดิภาพบุคคลในครอบครัว เพื่อให้เป็นต้นแบบชุมชนที่มีจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวอังคณา อินทสา มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ระบุว่า การทำงานแก้ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กในชุมชน ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการช่วยเหลือเคสบายเคส แต่จริงๆ ต้องทำต่อเนื่อง ตั้งแต่การเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไข และเยียวยา เราจึงพยายามถอดองค์ความรู้ออกมาเป็นคู่มือการทำงาน ทดลองใช้ในชุมชนต้นแบบ จากนั้นจะขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ ต่อไป

อังคณา เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ จะเน้นไปที่การรณรงค์มากกว่า ซึ่งยังไม่เพียงพอ เพราะปัญหาจริงๆ มาจากปัญหาเชิงอำนาจ เรื่องทัศนคติชายเป็นใหญ่ ความรู้สึกภรรยาเป็นสมบัติที่สามารถใช้ความรุนแรงได้ ประกอบกับมีเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงต้องเพิ่มการทำงานกับพื้นที่ให้มาก ปรับทัศนคติผู้กระทำซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ให้เกิดความเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกาย ตลอดจนปลูกฝังเรื่องนี้ตั้งแต่พื้นฐาน ในระบบการเรียนการสอนในวัยเด็กโตมา ไม่ใช้ความรุนแรง เชื่อว่าคู่มือที่ออกมาจะช่วยให้พื้นที่มีความเข้าใจปัญหา และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของตนได้มากขึ้น

Advertisement

ด้าน นางสาวภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. ระบุว่า เรื่องนี้ สสส. เข้ามาให้การสนับสนุนอยู่ 3 ส่วนคือ 1.การจัดทำสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์มากขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูที่สอดคล้องกับ รพ.รามาธิบดี และ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ซึ่งพบการคุกคาม ไม่ให้เกียรติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนที่อ่อนแอไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้หญิง ผู้พิการในครอบครัว โดยช่วงการระบาดของโรคโควิด–19 สถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 10 %

2.การทำคู่มือสำหรับกลุ่มวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคดีความ รวมถึงคู่มือสำหรับชุมชน เพื่อการเฝ้าระวังในพื้นที่ และเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ให้สามารถประเมินระดับความรุนแรงและให้การช่วยเหลือได้ และ 3. สนับสนุนการสื่อสาร ทำความเข้าใจ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งต้องทำเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ

Advertisement

“หากเราไม่ทำอะไรเลยยิ่งจะแย่ลงไปกว่านี้ และความรุนแรงอาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ซึ่งต้องเข้าใจ และมีความละเอียดอ่อนในการจัดการปัญหา สังคมต้องคอยสอดส่องร่วมกัน ผู้ถูกกระทำต้องส่งเสียง” นางสาวภรณี กล่าว

ส่วน ศ.ดร.กิติพัฒน์ นนทปัทมะดุลย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า การออกคู่มือฯ ขึ้นมาถือเป็นเรื่องดี แต่ส่วนตัวมองว่ายังขาดเนื้อหาสำคัญอยู่ คือป้องกันไม่ให้ถูกกระทำซ้ำ และป้องกันไม่ให้เหยื่อต้องกลายมาเป็นผู้ลงมือกระทำความรุนแรง จากการระเบิดความรู้สึกที่ถูกกดทับ แต่ปัญหาคือหลายต่อหลายครั้งที่มีการเข้าไปให้การช่วยเหลือแล้ว แต่เหยื่อปิดกั้น สร้างกำแพงขึ้นมา ยังไม่ยอมเอาผิด เพราะคิดว่าหากเรื่องถึงตำรวจจะทำให้ตัวเองลำบาก ครอบครัวจะลำบาก และมองว่าเรื่องของผัวเมีย ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน ทำให้หลายต่อหลายคนก้าวไม่พ้นวังวนความรุนแรง และมีจำนวนไม่น้อยที่เผลอตอบโต้ด้วยความรุนแรง กลายเป็นฆาตรกรเสียเอง

ดังนั้นจึงอยากให้คู่มือฯ มีการเพิ่มเนื้อหาในส่วนนี้ เพื่อให้แกนนำรู้ว่าหากเหยื่อปิดกั้นตัวเองจะมีวิธีการสื่อสารทำความเข้าใจอย่างไร ต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ถูกกระทำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงได้รู้ว่า ตัวเขาเองจะปลอดภัย สามีของเขาจะปลอดภัย และต้องรู้จักวิธีการสื่อสาร ช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้หญิงหรือเหยื่อสร้างคุณค่า ดึงศักยภาพ ดึงพลังที่มีออกมาเพื่อป้องป้องคุ้มครองตัวเอง โดยอาจจะมีการยกตัวอย่างเหยื่อที่สร้างพลังให้กับตัวเองจนสามารถหลุดพ้นจากวงจรของการใช้ความรุนแรงได้ เป็นต้น

นางนัยนา ยลจอหอ ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม เขตดุสิต กทม. เล่าว่า เมื่อก่อนชุมชนจะมีปัญหาความรุนแรงมากทั้งการทำความรุนแรงทางกาย โดยเฉพาะกรณีสามีทำร้ายร่างกายภรรยา การคุกคามทางเพศ ซึ่งผู้กระทำมีการใช้สารเสพติดและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย นอจกากนี้ ยังมีปัญหาการทำความรุนแรงทางจิตใจ บูลลี่ ตีตรา แต่ช่วงนี้น้อยลง แทบจะไม่มีเลย เพราะที่ผ่านมาเรามีแกนนำชุมชนที่ไปอบรม เสริมทักษะการทำงานแก้ไขปัญหากรณีความรุนแรงกับทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ทำให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น ดังนั้นการที่มีการถอดบทเรียนออกคู่มือฯ ดีๆ แบบนี้ขึ้นมา จะช่วยเสริมการทำงานเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหาความรุนแรงในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image