อยู่มา 10 ปี ไม่เคยหนักขนาดนี้ ปชช.โอด ฝนถล่ม น้ำท่วมหมู่บ้าน 1,300 หลังคาเรือนเดือดร้อนหนัก
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาที่จังหวัดสมุทรปราการ เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบางบ่อ เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักหลายชั่วโมง ทำให้หลายหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอบางบ่อเกิดน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะที่หมู่บ้านทิพมาศ-เสรี ถนนปานวิถี ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ไม่สามารถสัญจรเข้าออกหมู่บ้านได้
ประชาชน 1,300 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก รถเสียหายจากน้ำท่วมหลายสิบคัน ประชาชนไม่สามารถนำรถเข้าออกหมู่บ้านได้ หลายคนยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า บ้านบางหลังขาดแคลนน้ำดื่ม เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำออกแต่ทำไม่ได้เต็มที่เพราะน้ำจากหมู่บ้านต้องระบายออกคลองกันยาแต่คลองกันยาน้ำก็สูงเกือบถึงระดับเดียวกับน้ำในหมู่บ้าน หากฝนไม่ตกซ้ำอีก 2-3 วันน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
นางสาวพัตตรา บุณสำ อายุ 30 ปี เล่าว่า วันนี้ต้องลางานเพราะไม่สามารถออกไปทำงานได้ และไม่สามารถออกไปซื้ออาหารได้ จึงต้องออกมาเก็บผักในซอยไปทำอาหารกินมื้อเช้าที่บ้าน
ด้านป้าเล็ก อายุ 60 ปี กล่าวว่า ตอนนี้เดือดร้อนมาก ฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อช่วงตีหนึ่งจนถึงเช้า ต้องการให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือเรื่องข้าว และน้ำดื่มเพราะชาวบ้านออกไปซื้อเองไม่ได้ ตั้งแต่อยู่มาสิบกว่าปี ไม่เคยท่วมขนาดนี้ ตอนนี้รถไม่สามารถเข้าออกได้เลย
นายวัฒนา เจริญจิตร นายอำเภอบางบ่อ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องการขนย้ายประชาชนได้ประสานรถยกสูงจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการเข้ามาช่วยเหลือคอยรับส่งประชาชนเข้าออกหมู่บ้าน สำหรับความเดือดร้อนเรื่องอาหารและน้ำดื่มได้ประสานไปยังนายกเทศมนตรีบางบ่อ และ นายก อบต.บางเพียง ให้เข้ามาสนับสนุนแล้ว และยังประสานไปยังชลหารพิจิตรให้เร่งระบายน้ำพร่องน้ำในคลองสำโรงลงสู่ทะเลโดยเร็ว
ขณะที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตรรายงานว่า ความกดอากาศต่ำพาดผ่านกรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 – 10 กันยายน 2565 บริเวณพื้นที่อำเภอบางพลี รวม 242 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำ 6.08 ล้าน ลบ.ม. อำเภอบางบ่อ รวม 363 มม.คิดเป็นปริมาณน้ำ 12.19 ล้าน ลบ.ม. และอำเภอเมืองสมุทรปราการ รวม 129.90 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำ 1.80 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 20.07 ล้าน ลบ.ม.
ส่งผลทำให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์วิกฤต จึงขอให้ราษฎร ที่อยู่ริมคลองพระองค์ไชยานุชิต คลองด่าน คลองสำโรง คลองชายทะเล (เลียบถนนสุขุมวิท) คลองลาดกระบัง คลองบางปลา คลองเจริญราษฎร์ คลองบางโฉลง คลองจระเข้ใหญ่ และคลองบางเสาธง ให้ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสังเกตระดับน้ำในคลองดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ กรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าหากไม่มีฝนตกจะเข้าสู่สภาวะปกติ 1-2 วัน
