(12 ก.พ.59) เมื่อเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง จ.ศรีสะเกษ เมืองใหม่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน และคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมปลอบขวัญและมอบถุงสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่ข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่จุดผ่านแดนถาวรชายแดนไทย – กัมพูชาช่องสะงำ จำนวน 27 ชุด เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พ.ต.ท.เศรษฐภัทร ณ สงขลา สารวัตรใหญ่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายครรชิต ดีหนองยาง นายอำเภอภูสิงห์ พ.ต.อ.ศุภชัย ศักรินพานิชกุล ผกก.สภ.ภูสิงห์ และตัวแทนผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 ให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.ต.ท.สุวิระและคณะได้เดินทางไปที่จุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชาช่องสะงำ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การค้าการท่องเที่ยว และการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย โดย พล.ต.ท.สุวิวะ ได้ตรวจสอบการนำเข้ามันสำปะหลังจาก นายณัธชัย เชยชิต นักวิชาการศุลกากร ชำนาญการ ประจำด่านช่องสะงำ มาพบเพื่อขอรับทราบข้อมูลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า จากการที่มาตรวจบริเวณหน้าด่านช่องสะงำทราบว่า ที่จุดผ่านแดนแห่งนี้ มีการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาตั้งแต่เดือน พ.ย.58 ถึงปัจจุบัน ปริมาณมากถึงประมาณ 24,000 ตัน มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ว่ามีการส่งมันสำปะหลังไปที่ใดบ้างในประเทศไทย ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังในประเทศไทยราคาถูกลงจากการนำมันสำปะหลังจากกัมพูชาที่ราคาต่ำกว่าเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมันสำปะหลังจากต่างประเทศเข้ามาจะคิดภาษีร้อยละ 40 ซึ่งมันสำปะหลังที่นำเข้ามานั้น ไม่รู้ว่ามีที่ไปจุดหมายปลายทางที่ใด และหากมันสำปะหลังมีใบแจ้งถิ่นกำเนิดผลิตในประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนไม่ต้องเสียภาษี ขณะนี้ประเทศไทยขุดหลุมพรางราคามันสำปะหลังทางอ้อมเพื่อผลิตเป็นเอทานอล ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใช้น้ำมันทั่วประเทศที่ต้องนำเงิน มาเข้ากองทุนจ่ายค่าน้ำมันเบนซิน ในกองทุนนี้ก็นำมาอุดหนุนอาเทนอลเพื่อขายเป็นแกสโซฮอลล์ ในส่วนนี้ที่ต้องอุดหนุน เพราะต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไทย แต่ถ้ากลายเป็นประชาชนคนไทยที่เติมน้ำมันกลายเป็นผู้ปลูกมันสำปะหลังในต่างประเทศ จะต้องมีมาตรการควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดการสนับสนุนมันสำปะหลังจากต่างประเทศ และเกิดผลกระทบในทางเสียหายต่อประชาชนคนไทย อาจจะต้องมีมาตรการในการกำกับดูแลว่าสิ่งใดที่ทำมาเพื่อผลิตแล้วต้องมาอาศัยเงินอุดหนุนจากประชาชนคนไทย จะต้องมีการควบคุมว่า วัตถุดิบนั้นมาจากประชาชนคนไทย
พล.ต.ท.สุวระ ยังกล่าวด้วยว่า ซึ่งมันสำปะหลังที่นำเข้ามาจากประเทศกัมพูชาราคาถูกกว่าประเทศไทยมาก โดยในจำนวน 1 คันรถพ่วงมันสำปะหลังจากกัมพูชาจะมีราคาถูกกว่ามันสำปะหลังของไทยประมาณ 30,000 บาท ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โรงงานผู้ผลิตเทียบเคียงราคาซื้อมันสำปะหลังของประเทศไทยเท่ากับราคาซื้อมันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องพากันขายมันสำปะหลังในราคาถูก และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรของไทยที่ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเรื่องนี้ จะต้องมีมาตรการตรวจสอบดูแลเพื่อไม่ให้ราคามันสำปะหลังของไทยตกต่ำลงไปมากจนกระทั่งเกษตรกรของไทยขาดทุนในการปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งจะต้องเป็นภาระของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนคนไทยต้องขาดทุนจากการปลูกมันสำปะหลังซึ่งรัฐบาลจะต้องทำทุกวิถีทางในการที่จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้