ภายหลังจากที่ “มติชนออนไลน์” ได้นำเสนอเรื่องราวของ ชาลีชักกุย หมีควาย หัวใจละมุน ซึ่ง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และชาวบ้านไปเจอขณะที่ถูกหมารุมกัด อยู่บริเวณไร่สัปปะรด ใกล้กับพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เมื่อราว 3 ปี ก่อน คาดว่า ชักกุยพลัดหลงกับแม่ หลังจากเอามาฟูมฟักที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อให้แข็งแรง และจะส่งไปให้ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดูแลต่อไป เจ้าหน้าที่อุทยาน โดย นายประวัติศาสตร์ จันทรเทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในขณะนั้น พบว่า ชักกุย ป่วยเป็นโรค ลมชัก จะต้องให้กินยา ทั้งยารักษา และยากันชักทุกวัน เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของชื่อ ชาลีชักกุย ที่หมายความว่า ลูกหมีควาย ซึ่งชักอยู่ที่กุยบุรี สอดคล้องกับ ชื่อนักฟุตบอลกองกลางรูปหล่อทีมชาติไทยในขณะนั้นคือ ชาริล ชับปุยส์ ด้วย
ล่าสุดนายประวัติศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ ได้ย้ายไปประจำการเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เล่าเรื่อง ชักกุยให้ฟังว่า อาการโรคลมชัก ของชักกุยดีขึ้นมาก ให้ยากันชักแค่วันละ 1 ครั้งเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปถือว่าดี น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ซึ่ง โดยธรรมชาติของหมีควายแล้ว จะน้ำหนักมากที่สุดราว 250 กิโลกรัม จากพฤติกรรม ที่เป็นอยู่ รวมทั้งอาการป่วยของชักกุย ที่ต้องจำเป็นต้องให้ยากันชักทุกวัน คิดว่า คงไม่สามารถปล่อยชักกุยให้ไปใช้ชีวิตในป่าได้ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน และเวลานี้ ชักกุยมีความใกล้ชิดกับคนมากกลายเป็นหมีที่ติดคนมาก รวมทั้งกลายเป็นพนักงานต้อนรับแขกของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีไปเลย
“ในความน่ารัก และความผูกพัน ของหมีควายตัวหนึ่งกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่ไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และพบเห็น เจ้าชักกุยบ่อยๆ ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ ทุกคนเข้าใจดีว่า สัตว์ป่าก็ต้องอยู่ในป่า แต่ชักกุยเป็นหมีป่วย ถ้าปล่อยไปมันตายแน่นอน จึงต้องช่วยกันดูแลกันไป สำหรับเงินในการเลี้ยงดูชักกุย เจ้าหน้าที่ทุกคนเต็มใจช่วยกันออก มีประชาชนที่เป็นแฟนคลับชักกุย ช่วยออกบ้าง ซื้ออาหาร ขนม ผลไม้มาให้กิน ไม่เคยใช้เงินหลวงเลยแม้แต่บาทเดียว”นายประวัติศาสตร์ กล่าว
นายประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ล่าสุดนั้น ชักกุย ได้รับตุ๊กตาหมีแพนดา เป็นของขวัญจากแฟนคลับคนหนึ่ง ซึ่งมันชอบมากไปไหนก็จะพาไปด้วยเสมอ จนหลายคนพากันล้อว่า ชักกุยเจอเนื้อคู่แล้ว โดยเวลานี้ตุ๊กตาหมีแพนดา จากเดิมที่ขาวสะอาด กลายเป็นแพนดาที่เลอะเลอะไปด้วยดินโคลนหมดแล้ว
