เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำคณะสื่อมวลชนจากทุกองค์กรวิชาชีพ จัดกิกรรม “รวมใจคนสื่อน้อมเกล้าฯ แสดงความอาลัย “พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” โดยเวลา 17.00 น. บรรเลงไวโอลิน เพลงพระราชนิพนธ์ จากนั้น นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ประธาน มูลนิธิอิศรา อมันตกุล เป็นประธานในพิธีถวายพวงมาลัย และนายมานิจ สุขสมจิตร ประธาน มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่มีต่อวงการสื่อมวลชน
นายมานิจ กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากให้สื่อมวลชนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อวงการสื่อมวลชนอย่างใหญ่หลวง ไม่เฉพาะเรื่องที่ทำการของหลายองค์กรสื่อในปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ และเสด็จฯทรงเปิดอาคาร แต่ทรงมีพระบรมราโชวาทหลายที่หลายแห่ง ที่เป็นประโยชน์ เป็นธง ของพวกเราในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องจริยธรรมของการเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความเท็จ ซึ่งท่านทรงย้ำอย่างมาก นอกจากนี้ อีกเรื่องสำคัญ ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ คือการที่พระองค์ท่านไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้กฏหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเพิ่มโทษหมิ่นประมาท ด้วยโฆษณา หรือเพิ่มค่าเสียหายให้สูงกว่าเดิม ตามที่รัฐบาลสมัยนั้นเสนอในปี 2535 ซึ่งสื่อมวลชนทุกแขนง หากกระทำละเมิด จะต้องชดใช้ให้ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาท อย่างต่ำ 4 ล้านบาท เมื่อไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย สภาและรัฐบาลขณะนั้นก็ไม่กล้ายืนยันใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ หากประกาศใช้กฏหมายฉบับนั้น จะกลายเป็นอุปสรรค ขัดขวางการทำงานของสื่อ จะทำให้ไม่กล้าไปตรวจสอบใคร เพราะหากพลาดพลั้งไป ต้องโดนโทษทั้งอาญาและแพ่งอย่างหนัก นี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต่อวงการสื่อมวลชนอย่างใหญ่หลวง ไม่เฉพาะสื่อแต่หมายถึงประชาชนด้วย เพราะการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อ คือประโยชน์ของประชาชน
เวลา 17.45 น. นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรท์ และนายอัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติและนักเขียนซีไรท์ อ่านบทร้อยแก้ว ร้อยกรอง จากนั้นเวลา 18.00 น. สื่อมวลชนยืนสงบนิ่งร่วมกัน 89 วินาที และจุดเทียนและร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี