เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ บริเวณใต้อาคารแฟลต 5 เคหะชุมชนดินแดง 1 กรุงเทพฯ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ภาคสนามเก็บข้อมูลจากผู้ผู้อาศัยแฟลตดินแดงเป็นวันแรก เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ว่า พม.ได้บูรณาการหลายหน่วยงาน ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองพลทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ สำนักงานเขตดินแดง การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ในการจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลผู้พักอาศัย สำรวจสิทธิ พร้อมทำความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นผู้อยู่อาศัยแฟลตดินแดง โดยชุดปฏิบัติการแบ่งออกเป็น 6 ชุดๆ ละ 10 คน เริ่มทำการสำรวจตั้งแต่วันนี้ถึงประมาณช่วงกลางเดือนมีนาคม
นายไมตรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมปฏิบัติการในพื้นที่เคหะชุมชนดินแดง ทำหน้าที่ เช่น กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ รวบรวมสถิติข้อมูลการปฏิบัติประจำวันและสรุปผลภาพรวม ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยว่า อาคารแฟลตดินแดงมีอายุ 50 ปีแล้ว ขณะนี้โครงสร้างภายในมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ที่ผ่านมาทาง กคช.ได้ซ่อมแซมปรับปรุงมาตลอด ใช้งบประมาณรวม 290 ล้านบาท และจากที่ได้สำรวจอาคารที่อยู่อาศัยเก่าแก่ในกรุงเทพฯที่มีคนอยู่เป็นหลักหมื่นอย่างนี้ ก็เหลือเพียงแฟลตดินแดงเท่านั้น ฉะนั้นอยากให้รีบคว้าโอกาสนี้ อย่าปล่อยให้มีอายุ 60 ปี 70 ปี เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในภายภาคหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าวเสร็จกลุ่มผู้อยู่อาศัยพยายามฝ่าวงผู้สื่อข่าวบุกไปถามนายไมตรีและนางอุบลวรรณ สืบยุคล รักษาการผู้ว่าการ กคช. โดยส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยกับแกนนำคัดค้านทุบแฟลตดินแดง ที่ยอมรับข้อเสนอ พม.ทั้งที่ไม่ใช่มติชาวชุมชน บ้างอยากให้ทุบเพราะอยากอยู่อาคารใหม่ที่แข็งแรงสวยงาม แต่ขอให้พิจารณาขนาดห้องให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว ราคาค่าเช่าเท่าเดิม และค่าส่วนกลางที่สมเหตุสมผล ขณะที่นายไมตรีและนางอุบลวรรณช่วยกันชี้แจงถึงสิทธิของผู้อยู่อาศัยเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบ โดย กคช.จะให้จ่ายราคาค่าเช่าเท่าเดิม มีค่าส่วนกลางที่สมเหตุผลและไม่แพงเท่าอาคารชุดของเอกชน และมีมาตรการรองรับสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่มีครอบครัวขยาย ก่อนทั้งคู่จะเดินทางกลับ แต่ผู้อยู่อาศัยยังพากันนั่งจับกลุ่มพูดคุยแสดงการคัดค้านโครงการฟื้นฟู อาจมีผลประโยชน์แอบแฝง รวมถึงข้อกังวลที่อาจนำพื้นที่อยู่อาศัยไปสร้างศูนย์การค้า
นางเอกับนางบี (ไม่ประสงค์ออกนาม) อาศัยอยู่แฟลตดินแดง 14 และ 19 กล่าวร่วมกันว่า ตนอยู่ที่นี่มา 4-5 ปี ซื้อห้องจากเจ้าของสิทธิเดิมและจ่ายค่าเปลี่ยนชื่อสิทธิให้กับ กคช. 3 หมื่นบาท ปัจจุบันเสียค่าเช่า 1,200 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ ส่วนตัวเห็นด้วยให้มีการทุบตึก เพราะเป็นอาคารแฟลตเก่าแก่แล้ว แม้สภาพอาคารภายนอกจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ก็อยากอยู่อาคารใหม่ที่สวยงามและมั่นคง ทั้งนี้ ยอมรับว่าขนาดห้อง 33 ตร.ม.เล็กเกินไป เพียงวางตู้ใส่เสื้อผ้าก็เต็มแล้ว ไหนจะอุปกรณ์อื่นๆ ภายใน สมาชิกในห้องอีก 3-4 คน แต่หากต้องคงที่ขนาดเท่านี้ เราก็อยากให้พิจารณาผู้อยู่อาศัยที่มีลักษณะครอบครัวขยายให้มีสิทธิเช่า 2 ห้องในอาคารใหม่ด้วย รวมถึงค่าเช่าเท่าเดิม และเก็บค่าส่วนกลางที่ไม่สูงจนเกินไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างกับอยู่อาคารชุดของเอกชน
“เรารู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบบังคับให้ยอม อย่างวันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งไปบอกผู้อยู่อาศัยที่คัดค้านโครงการฟื้นฟูไม่ให้มางานวันนี้ เพราะมีทหารตำรวจมาเป็นคันรถ หากออกไปคัดค้านแล้วทำให้ รมว.พม.ฉุน ทำให้นายกรัฐมนตรีโมโห้ เพราะต้องการเดินหน้าโครงการในรัฐบาลนี้ เดี๋ยวจะถูกจับ ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ ทั้งที่เราเคยเจอท่าน รมว.พม.ลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ ท่านไม่เป็นอย่างนั้น ใจดีเสียอีก” นางเอและนางบีกล่าว และว่า
สิ่งที่เราอยากได้ตอนนี้คือความชัดเจน เราไม่ได้จะคัดค้านโครงการฟื้นฟูทุกเรื่อง เพียงแต่ขอความชัดเจนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่มากล่าวอ้างลอยๆ ว่าให้สิทธิผู้อยู่อาศัยเดิม จะไม่ทำให้ผู้อยู่อาศัยเดิมได้รับผลกระทบ แต่สุดท้ายเมื่อทุบไปแล้วปล่อยทอดทิ้งเรา
