สภาทนายความฯให้การช่วยเหลือ ครูสาวร้องขอให้ยื่นศาลสั่งบิดารับรองบุตรโดยชอบตามกฎหมาย เพื่อให้พ่อได้รับสิทธิรักษาพยาบาล พร้อมทั้งขอให้สื่อช่วยตามหาแม่ที่ทิ้งไปทั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองเลขาสภาทนายความฯ ร่วมกันแถลงข่าวช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย
นายวิเชียร กล่าวว่า ทางสภาทนายฯได้คำขอความช่วยเหลือ จาก น.ส.สุพัตรา ประพฤทธิ์ตระกูล อายุ 35 ปี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2565 เพื่อขอให้สภาทนายความ จัดทนายความดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อ ศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา ปัจจุบันน.ส.สุพัตรา ประกอบอาชีพ ครูผู้ช่วย (เพิ่งได้รับ การบรรจุเป็นข้าราชการครูผู้ช่วย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565) และมีบิดาชื่อนายสุนันท์ ประพฤทธิ์ตระกูล อายุ 56 ปี ประกอบ อาชีพขายปาท่องโก๋ ส่วนมารดาชื่อนางนิตยา ถะเกิ้งผล แต่ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะมารดาได้ทิ้งน.ส.สุพัตราไปตั้งแต่เด็กจึงได้ใช้ชีวิตอยู่กับบิดามาโดยตลอด ปัจจุบันตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลนางนิตยา จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร
อีกทั้งบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทำให้นายสุนันท์บิดาไม่สามารถรับสิทธิ์ต่างๆจากสวัสดิการของข้าราชการ จากน.ส.สุพัตราได้ เพราะความเป็นบิดายังไม่สมบูรณ์ ดังนั้น น.ส.สุพัตราและนายสุนันท์บิดา จึงมาขอความช่วยเหลือกับสภาทนายความฯ เพื่อต้องการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายสุนันท์ รับ น.ส.สุพัตรา เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อจะได้นำคำสั่งศาลไปแสดงต่อสำนักงาน เขตเพื่อขอจดทะเบียนรับรองบุตร และใช้สิทธิข้าราชการเพื่อดูแลบิดาต่อไป ทั้งนี้ขั้นตอนการยื่นต่อศาลนั้น เราจะต้องดำเนินการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ระหว่างน.ส.สุพัตรากับบิดา เพื่อนำไปเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และให้ศาลเห็นว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันจริง
นายสมพร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่า ทางนายกสภาทนายความฯและคณะกรรมการลงความเห็นกันว่าจะต้องให้การช่วยเหลือน.ส.สุพัตรา เพราะเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม น้องเป็นครูผู้ช่วยได้ ก็คิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิด แม้ว่าจะทิ้งไปตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ซึ่งเราจะดำเนินการยื่นคำฟ้องต่อศาลภายในเดือนนี้
น.ส.สุพัตรา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ของศาลแล้ว แนะนำให้มาหาสภาทนายความฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเอกสารทะเบียนราษฎร์ของมารดาไม่ครบถ้วน ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อและตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ ไม่มีรูปถ่าย ไม่มีบัตรประชาชน ทราบแต่เพียงว่ามารดาชื่อ นางนิตยา ถะเกิ้งผล อายุประมาณ 40 ปีกว่า ภูมิลำเนาเดิมอยู่ อ.สะตึก จ.บุรีรัมย์ ตอนนี้ตนเองสอบบรรจุและเป็นครูผู้ช่วยวิชาภาษาไทย โรงเรียนวัดบึงทองหลาง มาได้ 4 เดือนแล้ว เมื่อรับราชการก็อยากจะให้พ่อได้สิทธิการรักษาพยาบาล จึงมาขอให้สภาทนายความฯ ช่วยยื่นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้บิดารับรองบุตร โดยทางทนายความได้ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ตนเองอยากจะพบหน้าและกราบไหว้มารดาผู้ให้กำเนิดสักครั้ง จึงอยากจะให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่และติดตามหามารดาของตนด้วย
“ตอนเด็ก แม่ได้มีปัญหากับพ่อ จึงพาหนูกับน้องหนีไปด้วย แล้วไปทิ้งไว้ที่บ้านเด็กกำพร้า แต่ทางบ้านเด็กกำพร้าสงสารหนู จึงติดต่อให้พ่อมารับ จากนั้นก็ขาดการติดต่อกับแม่ไปเลย แต่ก็ยังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมที่แม่เคยอยู่ ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อกับแม่ได้ ไม่ว่าทางเฟซบุ๊กหรือทางไหน เพราะแม่ทิ้งไปตั้งแต่ตอนที่หนูยังเล็ก”น.ส.สุพัตรากล่าว
ขณะที่นายสัญญา อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า นอกจากการช่วยเหลือทางด้านคดีแล้ว เนื่องจากเรามีทนายความประจำจังหวัดต่างๆ ก็จะพยายามประสานไปทางสภาทนายความจ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ช่วยติดตามหามารดาให้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายวีรศักดิ์ รองเลขาสภาทนายความฯ กล่าวว่า การตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบพิสูจน์ความสัมพันธ์ของบุคคลนั้น ในอดีตเคยใช้มาแล้ว เช่น คดีการหายตัวไปของหมอผัสพร ก็มีการพิสูจน์ดีเอ็นเอจากเส้นผมของผู้ตายที่เจอในห้องพัก กับดีเอ็นเอของบิดาหมอพัสพร มาเปรียบเทียบให้เห็นว่าดีเอ็นเอสามารถเข้ากันได้ จึงมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน ส่วนกรณีของน.ส.สุพัตรา นั้นบิดายังมีชีวิตอยู่ ก็จะพาน้องกับบิดาไปตรวจดีเอ็นเอ โดยเราจะประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าสภาทนายความฯ กับรมว.ยุติธรรม นั้นท่านเป็นนายกสภาทนายฯ พิเศษ คือดูแลสภาทนายความโดยอ้อม หลังจากที่เรารับช่วยเหลือน.ส.สุพัตราแล้วขั้นตอนต่อไป ก็จะนัดหมายเพื่อพาน้องกับพ่อไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และอาจจะขอความอนุเคราะห์ให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เราก็จะยื่นคำฟ้องต่อศาล ดำเนินการขอรับรองบุตร คู่ขนานกันไปได้ เพราะทางน.ส.สุพัตรากับคุณพ่อ มั่นใจว่ามีสายสัมพันธ์กันจริง