กรมอุทยาน ล้างมาเฟีย “เกาะเสม็ด” รีดหัวคิวเดือนละล้าน แฉ “คนมีสี-เสี่ยใหญ่” เป็นหัวโจก

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายณัฐพล รัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยความคืบหน้า กรณีที่ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งโยกย้ายหัวหน้าอุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 80 คนเมื่อปลายเดือน กันยายน ที่ผ่านมา หลังตรวจสอบพบอาจมีการทุจริต พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอดีตหัวหน้าอุทยานฯ เขาแหลมหญ้าฯ 2 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนั้น ว่า ตนพร้อมคณะได้รับคำสั่งจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. และอธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ไปจัดระเบียบบนเกาะเสม็ด จากการตรวจสอบพบว่าบนเกาะเสม็ดทุกธุรกิจตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ จักรยานให้เช่า เจ็ทสกี เรือสปีดโบ๊ท เรือกล้วย นวดชายหาด รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวล้วนแล้วแต่มีมาเฟียมีสีเป็นคนคุมทั้งสิ้น บนเกาะเสม็ดมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่า 660 คัน สปีดโบ๊ทมีมากกว่า 100 ลำ แต่มีการขออนุญาตเพียงแค่ 1 ลำเท่านั้น ส่วนเจ็ทสกี และเรือกล้วยมีมากกว่า 10 ลำ ทั้งหมดให้บริการเที่ยวละ 300 บาท แต่จะมีมาเฟียคอยหักหัวคิว 100 บาท หมอนวดชายหาดมีจำนวน 179 ราย ต้องหักรายได้ให้มาเฟียเดือนละ 500 บาท หาบเร่ 51 ราย แท็กซี่ 60 คัน ช่างเพ็นท์สีให้นักท่องเที่ยว 50 คน นักแสดงควงกระบองไฟจำนวนมากกว่า 10 คน ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาแต่คนคุมคือตำรวจ ทุกธุรกิจบนเกาะเสม็ดมีมูลค่ามหาศาลแต่ละเดือนมียอดเงินสะพัดมากกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นทางอุทยานฯจะจัดระเบียบใหม่ โดยจะให้มีการยกเลิกเจ็ทสกี เรือกล้วย สปีดโบ๊ท เนื่องจากเกรงจะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำ และกรมอุทยานฯ ต้องการทำให้การท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการยกเลิกร่มผ้าใบบนชายหาดทั้งหมดแล้ว

นายณัฐพล กล่าวว่า ที่สำคัญกรมอุทยานฯ ได้หารือกับผู้ว่าราชการ จ.ระยองแล้วว่าจะมีการยกเลิกท่าเรือขึ้นเกาะเสม็ด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 7 แห่ง และมีมาเฟียคุมเป็นเสี่ยใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกลุ่มคนมีสี โดยจะส่งคนไปนั่งนับหัวนักท่องเที่ยวตามท่าเรือและไปเก็บเงินปลายทางแล้วส่งให้อุทยานฯ 60 % ส่วนอีก 40 % เข้ากระเป๋าตัวเอง และมีข้อมูลระบุว่ามีการจ่ายให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เดือนละ 2 แสน ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเป็นหาประโยชน์จากทรัพยากรชาติและราชการ ดังนั้นจะเปิดท่าเรือจาก 7 แห่ง ให้เหลือใช้ได้เพียง 2 แห่งเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ทั้งนี้หลังจากมีการโยกย้ายหัวหน้าอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ทั้งอุทยานฯ พบว่า 1 เดือนที่ผ่านมา อุทยานฯ สามารถเก็บรายได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยเดือนช่วงเดือนต.ค.ปีนี้ที่ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของเกาะเสม็ด สามารถเก็บเงินรายได้ถึง 4.8 ล้านบาท ขณะที่เดือน ต.ค.ปี 2558 เก็บได้เพียง 1.2 ล้านบาท ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ล้างบางทั้งเกาะแล้ว และ กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับมาเฟียที่หาประโยชน์บนเกาะเสม็ด โดยในแต่ละวันมีผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลายบนเกาะโทรศัพท์มาหาตนไม่หยุดหย่อน เพื่อให้ผ่อนผัน ผ่อนปรนการทำธุรกิจบนเกาะเสม็ด โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ระดับสูงทั้งทหาร ตำรวจ นักการเมือง ตนก็ได้แต่รับฟัง แต่ไม่สามารถดำเนินการตามที่ต้องการได้ เกาะเสม็ดจะต้องกลับมาเป็นอุทยานฯ สำหรับประชาชนทุกคน

ผู้อำนวยการส่วนอุทยานฯ ทางทะเล กล่าวต่อว่า นอกจากการจัดระเบียบบนเกาะเสม็ดแล้ว ขณะนี้กรมอุทยานฯ กำลังดำเนินการจัดระเบียบบนฝั่งคือบริเวณชายหาดแม่รำพึงที่มีความยาวมากกว่า 10 กม. โดยขณะนี้ได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของร้านค้า จำนวน 61 ราย ที่มีการต่อเติมผิดเงื่อนไขออกทั้งหมด เพราะนอกจากจะทำให้เกิดขยะ น้ำเสีย ลงสู่ทะเลแล้ว ยังเป็นทัศนอุจาดด้วย โดยจะนำร้านค้าที่มีรายชื่อทั้งหมดมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องและมีการกำหนดโซนขายของ และโซนท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย

/////

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image