‘บิ๊กเด่น’ จ่อเสนอมหาดไทยปรับปรุงกม.โซนนิ่ง รองผบ.ตร.ตอบชาวเน็ต ปมแซะ ‘1 โรงพัก 1 บ่อนพนัน’ เทียบโอท็อป

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการประชุมร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นความร่วมมือระหว่าง กทม.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ในด้านการโซนนิ่ง จะมีการปรับปรุงระเบียบกฎหมายให้ดีขึ้น โดยจะเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทั้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรุงเทพมหานครต่างเห็นชอบว่า ควรมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน

“กฎหมายเมื่อออกไปในระยะเวลาหนึ่งควรมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน ในเรื่องสถานประกอบการบางประเภทเปิดให้บริการไม่ตรงกับใบอนุญาตถือเป็นเหตุที่มาจากโซนนิ่งซึ่งเราก็ไม่ได้มองทุกฝ่ายว่าเป็นคนไม่ดี เพียงแต่ไม่มีช่องกฎหมายให้เขา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เปิดโอกาสให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นระบบต่างๆ รวมถึงทบทวนเวลาเปิด-ปิด อะไรที่เป็นบริบทตามความจริงไม่เสียหายต่อภาพรวมสามารถปรับปรุงแก้ไขได้” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนของสถานประกอบการหลายแห่งที่นอมินีชาวต่างชาติ ล่าสุดมีการเข้าไปจับในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามนโยบายในเรื่องการกวดขัน สถานบริการหากเราปล่อยปละละเลยจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการแพร่ระบาดยาเสพติด และอาวุธปืน ซึ่งถือเป็นจุดที่เราต้องเข้มงวด

Advertisement

เรื่องที่เจ้าหน้าที่ไปมีส่วนในธุรกิจสีเทา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ถ้าใครทำผิดมีพยานหลักฐานก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย

สำหรับส่วนของการนำทะเบียนราษฎร์ออกไปใช้ในทางมิชอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีการประสานกับกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อจะทำบันทึกว่ามีการกดข้อมูล ท.ร. 14 ซึ่งถ้ามีความผิดปกติก็จะแจ้งมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ในกรณีที่มีคนกดเข้าไประบบจะมีการบันทึกเลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลที่เข้าระบบไว้

“ถ้าข้อมูลเหล่านี้ออกไปสู่มิจฉาชีพเจ้าหน้าที่คนนั้นๆ ต้องรับผิดชอบ ในส่วนการกดข้อมูลต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนหรือคดีจริงๆ ตรงนี้ได้มีการประสานกับกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อย” รอง ผบ.ตร.กล่าว

Advertisement

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นที่เกิดการเปรียบเปรยว่า บ่อนพนันใน กทม. เหมือนสินค้าโอท็อป 1 โรงพัก 1 บ่อนพนัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า หากมีพยานหลักฐานตามที่กล่าวอ้าง ก็ยินดีที่จะรับมาดำเนินการ ซึ่ง ผบ.ตร. มีนโยบายชัดเจนในส่วนของอบายมุขที่เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน สถานบริการอยู่แล้ว

“เรามีความชัดเจนในการปราบปราม ถ้าสื่อหรือประชาชนมีข้อมูลที่ชัดเจนสามารถส่งข้อมูลมาได้ดำเนินการทุกกรณี ในส่วนของการให้น้ำหนักจะขึ้นอยู่กับเอกสารและข้อมูลที่นำมา ในส่วนนักพนันที่อ้างตัวเลขถึง 30 บ่อนจาก 100 กว่าบ่อน ในส่วนนี้เรามีการตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าพบก็จะดำเนินการจับกุมเลย ส่วนผับจินหลิงยานนาวา ฝ่ายสืบสวนกำลังดำเนินการขยายผลอยู่”  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า กรณีจะมีการดำเนินนโยบายอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ในส่วนนี้มีข้อกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว เราไม่สามารถดำเนินการนอกเหนือกฎหมายได้

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างเช่น การพนันถ้าเขารับสารภาพก็จะฟ้องเลย ที่ยานนาวาก็เป็นเรื่องของสถานบริการ สถานบริการเองก็มีกรอบกฎหมายเรื่องกฎหมายยาเสพติดด้วย ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนหลายเรื่อง ทั้งหมดก็เป็นไปตามกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image