กทม. เรียกประชุมแพลนต์ปูน คุมฝุ่น PM2.5 เข้มห้ามรถควันดำวิ่ง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ชั้น 6 ห้องประชุมโยธา สำนักการโยธา เขตดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในสถานประกอบการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ โดยมีนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. ผู้บริหารสำนักการโยธา ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายวิศณุเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า กรุงเทพฯประสบปัญหามลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งพบว่ามีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ผู้บริหารให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีนโยบายและแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2566 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ซึ่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดการที่แหล่งกำเนิดและต้นตอสาเหตุของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
“งานวิจัยที่ผ่านมาแหล่งเกิดฝุ่นในกรุงเทพฯ กว่าครึ่งมาจากรถควันดำ ไอเสียรถยนต์ จึงได้ร่วมประชุมหารือกับผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 113 แห่ง และรถปูนจำนวน 1,500 คัน ประกอบด้วย 1.บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) 2.บริษัท น่ำเฮงคอนกรีต (1992) จำกัด 3.บริษัท ที.พี.ไอ คอนกรีต จำกัด 4.บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด 5.บริษัท เอ็ม คอนกรีต จำกัด 6.บริษัท เอเชียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด 7.บริษัท โออาร์ซี พรีเมียร์ จำกัด 8.บริษัท คิวมิกซ์ ซัพพลาย จำกัด และ 9.บริษัท ฟาสท์คอนกรีต จำกัด” นายวิศณุกล่าว
นายวิศณุกล่าวว่า กทม.มีการขอความร่วมมือ 3 ข้อ ได้แก่
1.การบำรุงรักษารถขนส่งปูนซีเมนต์ หิน ทราย และรถขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ โดยให้มีการตรวจวัดควันดำให้มีค่าไม่เกินมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด อาจใช้ผลการตรวจวัดจากเอกชนที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก (ตรอ.) หรืออาจทำการตรวจวัดโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขต สำนักสิ่งแวดล้อม ตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก หรือกรมควบคุมมลพิษ เมื่อได้ผลการตรวจวัดว่ามีค่าไม่เกินมาตรฐาน กทม. จะมอบสติ๊กเกอร์ที่ระบุหมายเลขทะเบียนรถ พร้อมระบุวัน เดือน ปี ที่ทำการตรวจวัด เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในการผ่านเข้า-ออกในแพลนต์ปูน หรือสถานที่ก่อสร้าง หากรถของผู้ประกอบการรายใดไม่ได้รับสัญลักษณ์ที่แสดงการตรวจวัดควันดำว่ามีค่าไม่เกินมาตรฐาน อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่ก่อสร้างหรือแพลนต์ปูน
2. การดูแลสถานที่ไม่ให้ก่อปัญหาฝุ่นละออง ได้แก่ มีพื้นคอนกรีตหรือแอสฟัลต์ผิวเรียบที่มีระดับความลาดเอียงเหมาะกับการทำความสะอาดด้วยน้ำ มีการทำความสะอาด กำจัดฝุ่นละอองตามพื้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีฝุ่นสะสมและฟุ้งกระจาย มีแผงกั้นป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองที่มีประสิทธิภาพ มีความสูงทั้งหมดจากพื้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร โดยส่วนล่างต้องเป็นผนังทึบสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร มีระบบ spray น้ำรถบรรทุกหินให้เปียกก่อนเทลงกองวัตถุดิบ มีระบบล้างทำความสะอาดล้อรถบรรทุกและรถโม่ผสมคอนกรีตก่อนออกจากโรงงาน เครื่องผสมคอนกรีต (Mixer) เป็นระบบปิดที่สามารถป้องกันฝุ่นได้ มีเครื่องกรองฝุ่นจากการลำเลียงปูนซีเมนต์ หรือเถ้าลอยแบบถุงกรอง (Bag filter) ที่มีประสิทธิภาพ และมีขั้นตอนให้พนักงานปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีการบำรุงรักษาระบบบำบัด มลพิษอากาศให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ มีผู้รับผิดชอบดูแลระบบบำบัดมลพิษอากาศหรือมีบริษัทคู่สัญญาเป็นผู้ดูแลระบบ
3.รถบรรทุก หิน ทราย ต้องปกคลุมผ้าใบป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย รวมถึงรถบรรทุกคอนกรีตผสมเสร็จ ระหว่างการเดินทางต้องมีการป้องกันเศษปูน คอนกรีตตกลงสู่ถนน หากวัสดุเหล่านี้ตกลงสู่พื้นถนนและแห้งจะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นทั้งฝุ่นขนาดใหญ่ และฝุ่น PM2.5 เมื่อมีรถคันอื่นทับหรือสัญจรผ่าน
“ก่อนหน้านี้มีการขอความร่วมมือเบื้องต้นไว้อยู่แล้ว ซึ่งการประชุมวันนี้เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ว่าต้องยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมให้สูงขึ้น เพื่อให้สังคมมีความสบายใจ โดยวันหลังจะมีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการการก่อสร้างงานภาครัฐ จะขอความร่วมมือให้ตระหนักถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กรุงเทพฯ
หลายบริษัทเอง มีการจ้างบริษัทอื่นมารับแทน ซึ่งก็ต้องตรวจอย่างเข้มข้นกับบริษัทเหล่านี้ด้วย ซึ่งทุกบริษัทให้ความร่วมมือดีมาก พร้อมที่จะยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมให้สูงขึ้น ผู้ว่าฯกทม.ยกตัวอย่างเช่นมีรั้วล้อมรอบชัดเจน มีไฟแสงสว่าง ทำความสะอาดฟุตปาธ ถนน รอบแพลนต์ปูนด้วย” นายวิศณุกล่าว
