ชาวสมุทรปราการ ยึดคำสอน ร.9 ปิดทองหลังพระ

ขณะที่บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประชาชนยังคงเดินทางมาสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเย็นจะมีฝนตกลงมาเล็กน้อย โดยในช่วงเวลา 16.30 น. สำนักพระราชวังได้เปลี่ยนมาใช้ประตูวิเศษไชยศรีแทนประตูมณีนพรัตน์แทน

นายโสพโน ทองศรี อายุ 62 ปี และภรรยา นางลดาวัลย์ ทองศรี อายุ 58 ปี เดินทางมากับครอบครัว 4 คน จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเกาะสมุย ตั้งแต่วันเสาร์ ก่อนเข้าพักกับญาติ และมาต่อแถวเมื่อเวลา 08.00 น. ได้เข้าสักการะเวลา 17.30 น. กล่าวว่า มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกร่วมกันกับครอบครัว โดยได้อธิษฐานขอให้ได้เกิดเป็นประชาชนของพระองค์ตลอดไป แม้จะร้อนหรือเดินทางไกลก็ไม่เหน็ดเหนื่อย แค่ได้เข้ามาในกำแพงก็น้ำตาไหลไม่รู้ตัว ตนเองทำธุรกิจส่วนตัว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร เพราะสมุยเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็เน้นการทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดังเช่นพระองค์ที่ทรงทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ มีโครงการครอบคลุมทั้งหมด เป็นเรื่องที่อยากให้ลูกทุกคนได้เดินตามรอยเท้าพ่อ

ลดาวัลย์ และโสพโน
โสพโน ทองศรี และนางลดาวัลย์ ทองศรี

นางสาววนิดา กาญจนเพชรรัตน์ อายุ 46 ปี ชาวสมุทรปราการ ซึ่งเดินทางมาสักการะพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นครั้งแรก โดยนำซองพลาสติกใสหลายร้อยใบมาแจกเพื่อใส่ภาพพระบรมโกศที่ระลึกให้กับประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพหน้าประตูเทวาภิรมย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับเพื่อนๆ นำยาดมมาแจกให้กับคนโดยรอบ โดยครั้งนี้เพื่อนได้เลือกนำซองพลาสติกใสมาเนื่องจากเห็นว่าหากฝนตกจะได้กันน้ำไม่ให้รูปเสียได้ เพราะเข้าใจว่าหลายคนอยากเก็บรักษารูปไว้ให้ดีที่สุด และวันที่ 29 พฤศจิกายน จะนำเอาไปรษณียบัตรในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ซื้อมาแจกให้กับประชาชนด้วย เพราะอยากจะทำความดีอะไรสักอย่าง ที่ผ่านมาหากอยู่เฉยๆ ก็อาจไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแบบคนอื่น อย่างการมาสนามหลวง คนที่มาคือคนที่รักในพระองค์ ก็ทำให้เราสบายใจและมีความสุข

“หากถามว่าประทับใจพ่อเช่นไร คงต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงคำสอนแต่เพราะพระองค์ทรงทำเป็นแบบอย่างให้กับประชาชนได้เห็น อย่างการปิดทองหลังพระที่ตอนเด็กก็ได้แต่ไปปิดทองหลังพระ ไม่ได้เข้าใจคำที่ท่านสอนจริงๆ จนโตขึ้นจึงได้รู้ว่าการทำดีโดยไม่บอกใครคือความดีที่แท้จริง จึงยึดคำสอนนี้ตลอดมา เสียใจที่ที่ผ่านมาอาจไม่ค่อยได้ฟังคำสอนของพระองค์เท่าไหร่ เมื่อพระองค์ไม่อยู่แล้วจึงรู้สึกใจหาย ทุกวันนี้ยังระลึกถึงวันที่ได้รับเสด็จพระองค์เมื่อตอนเสด็จฯไปเปิดอาคารเรียนที่โรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมัยที่เรียนมัธยมอยู่ที่นั่นเสมอ เพราะถือเป็นความทรงจำล้ำค่าในชีวิต” นางสาววนิดากล่าว

Advertisement
นางสาววนิด
วนิดา กาญจนเพชรรัตน์

ปิดท้ายด้วย นายโรเบิร์ต แฮกเกอร์ตี้ ชาวเวลส์ สหราชอาณาจักร อดีตข้าราชการด้านโยธาธิการ และนางสมบูรณ์ ทรัพย์เจริญ อายุ 61 ปี ภรรยาชาวไทย ที่มาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในโอกาสที่เดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย ซึ่งมาต่อคิวตั้งแต่ 11 โมงเช้า โดยนายโรเบิร์ตกล่าวว่า ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จากภาพข่าวในโทรทัศน์และพระราชกรณียกิจ และทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับพระราชินีของอังกฤษอยู่เสมอ อีกทั้งภรรยาชาวไทยได้เล่าให้ฟังว่าพระองค์ทรงงานเพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียงที่ให้แบ่งสัดส่วนของบ้าน พื้นที่เพาะปลูก เลี้ยงปลา ทำนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้จริงและไม่ยาก หากมีพื้นที่ก็อยากจะทำเช่นนั้นเพียงแต่อายุมากแล้ว

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
นายโรเบิร์ต แฮกเกอร์ตี้ และสมบูรณ์ ทรัพย์เจริญ

S__67870749

S__67870751

Advertisement

S__67870752

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image