“อธิบดีราชทัณฑ์”แจงปมตลาดมืด-ปล่อยกู้ร้อยละ 20ในคุก ยังไม่มีข้อมูล แต่สั่งเข้มทุกแห่ง

“อธิบดีราชทัณฑ์” ชี้ ประเด็นในคุกปล่อยเงินกู้ ดอกร้อยละ 20 ยังไม่มีข้อมูล แต่กำชับเข้มงวดทุกเรือนจำ สิ่งของต้องห้ามอาจเล็ดลอด คุมได้ แค่97 %

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมืดภายในเรือนจำ โดยมีการซื้อขายของใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน จนถึงสินค้าผิดกฎข้อบังคับของเรือนจำ เช่น กระจก บุหรี่ โทรศัพท์มือถือ รวมถึงการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด และปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งมีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อสัปดาห์ ว่าสำหรับกรณีดังกล่าวตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เหตุการณ์เช่นนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าเป็นในสมัยก่อน หรือไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สมัยที่ตนเข้ามาเป็นรักษาการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทั่งปัจจุบันเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของเรือนจำไปมาก พร้อมทั้งเข้มงวดการนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปภายในเรือนจำ

นายกอบเกียรติ ยังกล่าวว่า ตนได้วางมาตรการตั้งแต่ผู้ต้องขังไปจนถึงเจ้าหน้าที่ผู้คุมที่ต้องเข้าไปภายในเรือนจำว่าห้ามนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ต้องเข้าเวรยามในการดูแลผู้ต้องขังแต่ละวันนั้น ก่อนเข้าเรือนจำจะต้องถูกตรวจค้นอย่างละเอียดผ่านเครื่องสแกนเนอร์ จากนั้น มีเจ้าหน้าที่อีกคนตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียด หลังทำการตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจค้นจะต้องลงชื่อรับรองด้วย หากเกิดข้อผิดพลาดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการของผู้ต้องขังนั้น เราได้จำกัดการเก็บอาหาร และจำกัดเงินฝากในบัญชีของผู้ต้องขังไม่เกินคนละ 9,000 บาท ซึ่งเงินในบัญชีดังกล่าว เป็นเงินที่ทางญาติของผู้ต้องขังจะนำมาฝากให้กับผู้ต้องขัง เพื่อไว้ใช้จ่ายซื้อของภายในเรือนจำ ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการจำกัดเงินฝากในบัญชีนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ที่ผู้ต้องขังบางรายที่ไม่ค่อยมีญาติมาเยี่ยม หรือนานๆมาเยี่ยม ก็จะไม่มีเงินฝากในบัญชี ทำให้ต้องขอยืมผู้ต้องขังด้วยกัน จนนำไปสู่การคิดดอกเบี้ย และเมื่อผู้ต้องขังที่เป็นลูกหนี้ไม่จ่ายเงินคืนตามกำหนด ก็จะมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น มาตรการจำกัดเงินฝากตรงนี้ก็เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว

Advertisement

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดมืดในเรือนจำนั้น ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้จริง ก็ขอให้ส่งข้อมูลมาที่กรมราชทัณฑ์ หรือจะส่งเป็นข้อมูลลับมาให้ตนโดยตรงก็ได้ เมื่อตนทราบว่าเป็นเรือนจำไหนก็จะส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางลงไปตรวจสอบทันที ซึ่งจะไม่ให้เจ้าหน้าที่ของเรือนจำนั้นๆเป็นผู้ตรวจสอบกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดบังหรือช่วยเหลือกัน

นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเรือนจำปัจจุบันคงไม่มีการนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปซื้อขายภายในเรือนจำ แต่จะให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งประมาณร้อยละ 97 ที่ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด อาจจะมีเพียงร้อยละ 3 ที่อาจเล็ดลอดเข้าไปบ้าง ซึ่งก็คงมี เพราะเรือนจำมีผู้ต้องขังจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิด เราจะดำเนินการลงโทษทางวินัย ซึ่งมีโทษถึงการปรับชั้นนักโทษเป็นชั้นเลว หากเป็นเช่นนี้ผู้ต้องขังก็จะไม่ได้รับสิทธิอื่นๆตามระเบียบของทางเรือนจำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image