(14 ก.พ.59) นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงกระแสคัดค้านการสำรวจแร่และไม่เอาเหมืองแร่ ซึ่งขณะนี้กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่จ.เพชรบูรณ์ว่า ได้ติดตามและดูอยู่เช่นกันซึ่งก็เห็นชาวเพชรบูรณ์ค่อนข้างตื่นตัวดีและมีการเผยแพร่ให้ข้อมูลกันอย่างกว้างขวาง ก็สามารถทำได้แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ได้อาชญาบัตรก็ต้องพึงระมัดระวังในการดำเนินกิจการเพราะมีเงื่อนไขต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และควรให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและวิธีการขั้นตอนจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะทำให้เกิดการเฝ้าระวังและเกิดระบบการตรวจสอบขึ้น
นายบัณฑิตย์กล่าวว่า ประเด็นการชี้แจงการทำความเข้าใจกับประชาชนนั้น ทางจังหวัดได้ให้คำแนะนำกับทางบริษัทไปว่าควรดำเนินการ กระทั่งมีหนังสือแจ้งว่ายังไม่พร้อมขอเลื่อนไป ก็เป็นเรื่องของทางบริษัทฯจะพิจารณาเองว่าควรจะทำหรือไม่ ซึ่งเราก็เตือนไปก่อนที่จะถูกจับกุมว่า ควรต้องชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่าจะมีแผนปฏิบัติการอย่างไร และระหว่างยังไม่ดำเนินการก็ขอให้หยุดไปก่อน แต่ก็ไม่รับฟังและยังไปขุดสำรวจอีกกระทั่งเกิดปัญหาขึ้นก็เป็นเรื่องของทางบริษัทฯ ซึ่งพ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 ในขั้นตอนนี้ไม่ได้กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานเหมืองแร่ก็รับว่าจะพิจารณาปรับปรุงเพิ่มในส่วนนี้เข้าไป
“หลังจากที่บริษัททำหนังสือแจ้งขอเลื่อนการชี้แจงออกไป ขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งประสานกลับมา คิดว่าคงไม่พร้อมจะมาชี้แจงก็เป็นเรื่องของทางผู้ประกอบการเองเพราะว่าทางจังหวัดเพียงให้คำแนะนำเขาว่า เขาควรจะทำเพื่อที่จะลดความแคลงใจหรือความไม่สบายใจของประชาขน ก็เป็นสิทธิของบริษัทจะทำตามหรือไม่ แต่หากทำผิดเงื่อนไขพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดูแลก็ต้องดำเนินการเป็นกรณีๆไป” นายบัณฑิตย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายบัณฑิตย์กล่าวว่า แม้ทางบริษัทผู้ประกอบการได้รับอนุญาตอาชญาบัตรโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในเงื่อนไขท้ายอาชญาบัตรพิเศษกำหนดว่า ต้องดำเนินการในที่ดินที่ถูกต้องถ้าเป็นเอกชนก็ต้องมีเอกสารสิทธิ หากจะดำเนินการในเขตป่าก็ต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ หากดำเนินการในเขตปฏิรูปที่ดินก็ต้องได้รับอนุญาตเช่นกัน ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ได้รับสปก.4-01 ไปแล้วจะอนุญาตให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าไปดำเนินการอย่างนั้นไม่ได้ เพราะสปก.4-01 ให้สิทธิเกษตรกรในการทำกินในการเกษตรเท่านั้น
