อนุทิน ยัน มาตรการ นทท. ต้องเหมือนกันทุกประเทศ เตรียมเสนอ แนะนำซื้อประกันโควิด-19 เก็บตัวอย่างเชื้อบนเครื่องบิน

อนุทิน เผย สธ.เตรียมเสนอที่ประชุมร่วมกระทรวงฯ เกี่ยวข้องรับนักท่องเที่ยวจีน 5 ม.ค. ย้ำ มาตรการเหมือนกันทุกประเทศ คนทำงานปราศจากความกดดัน แนะนำ ซื้อประกันสุขภาพโควิด รองรับกรณีติดเชื้อก่อนกลับจีน พร้อม ฉีดวัคซีนให้ต่างชาติแบบเสียเงิน

เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังการประชุมผู้บริหาร สธ. ครั้งที่ 1/2566 ว่า การประชุมพูดถึงนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ สธ. จะปฏิบัติในปีนี้ อาทิ ความพร้อมการบริหารจัดการโควิด-19 การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้น และนโยบายที่ สธ.ประกาศเป็นปีสุขภาพผู้สูงวัย ขณะเดียวกัน พรุ่งนี้ (5 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น. จะมีการประชุมเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่เปิดประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม โดยจะใช้หลักการแพทย์ในการวางมาตรการ ตามที่มีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.65 ท่านมีความเห็นว่า สำหรับประเทศไทยนั้น การปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวทั่วโลกควรจะมาตรการเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งกรมควบคุมโรคในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลโควิดได้วางมาตรการต่างๆ โดยปราศจากความกดดันจากรัฐบาลและรัฐมนตรี ว่าต้องเอาเศรษฐกิจอย่างเดียว เอาเงินไว้ก่อน แต่เราให้กรมควบคุมโรคเสนอมาเลยว่าจะทำให้เกิดประสิทธิภาพใน 2 มิติ คือ สุขภาพและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ที่ประชุมประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ อาจารย์โรคระบาด ให้ความเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยยังสามารถจัดการสถานการณ์โควิดได้ และเพื่อไม่ให้เป็นประเด็นอ่อนไหวในทุกด้าน พิจารณาจากข้อเท็จจริงต่างๆ พบว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศต่างกัน ดังนั้น หากมีการปรับมาตรการอย่างไร ก็จะเป็นการกำหนดใช้เหมือนกันทุกประเทศ

เมื่อถามถึงแผนการจัดการวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้ม นายอนุทิน กล่าวว่า คนไทยควรได้รับเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรง การเสียชีวิต ส่วนวัคซีนสองสายพันธุ์(Bivariant vaccine) เราได้รับบริการจากประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีมาจำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าวัคซีนที่ไทยใช้อยู่มีประสิทธิภาพ สร้างเสริมภูมิคุ้มกันไม่ต่างกับไบวาเรียนวัคซีน ทั้งนี้ หากมีวัคซีนใหม่ ครอบคลุมสายพันธุ์มากกว่าปัจจุบัน เราพร้อมจัดซื้อจัดหาเข้ามา แต่ปัจจุบันวัคซีนที่มี ก็ยังมีประสิทธิภาพอยู่ เราจึงต้องบริหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อถามถึงการประเมินระดับความเสี่ยงการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน นายอนุทิน กล่าวว่า พิจารณาในเรื่องสายพันธุ์ยังเป็นโอมิครอน ไม่มีอะไรแตกต่าง ขณะที่ ภูมิฯ ของประชากรจีนก็เหมือนกับไทยคือ ได้รับวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติ จึงไม่แตกต่างกัน จำนวนผู้ติดเชื้อก็มีในระดับเดียวกับคนไทย ที่สำคัญคือ เชื้อไม่ต่างจากคนที่เดินทางมาจากภูมิภาคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไทยที่ได้รับวัคซีนแล้ว ถ้าติดเชื้อก็มีสถานพยาบาล มียา มีหมอที่คอยดูแล จึงเป็นเรื่องที่เรารองรับได้

“ถามว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ มี แต่เป็นสิ่งที่เรารับมือได้ เป็นความเสี่ยงที่เทียบกับประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงมาตรการให้นักท่องเที่ยวซื้อประกันสุขภาพ นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มี แต่เป็นคำแนะนำ อย่างเช่นเราจะไปเที่ยวต่างประเทศ ถ้ามีประกันก็ทำให้มั่นใจระดับหนึ่ง นักท่องเที่ยวก็คงคิดเช่นเดียวกัน ซึ่งคนที่เดินทางเข้าไทย ส่วนใหญ่มีประกันสุขภาพ ทั้งนี้ เราให้การดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก่อนมีโควิด เพราะเราไม่ให้อยากให้ป่วยแล้วไม่มีสถานพยาบาลรักษา ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อย่างที่เราดูแลนักท่องเที่ยวจีนในช่วงแรกที่มีการระบาดโควิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากเดินทางมาประเทศไทย

ADVERTISMENT

เมื่อถามถึงกรณีที่จะ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศฉีดวัคซีนโควิดให้นักท่องเที่ยวฟรี นายอนุทิน กล่าวว่า หากนักท่องเที่ยวประสงค์มารับวัคซีนในไทย สามารถทำได้ โดยมีค่าบริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทุกคน

 

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายงานข้อมูลว่า ในช่วง 3 เดือนแรกจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไทยประมาณ 3 แสนราย แบ่งเป็น ม.ค. 6 หมื่นราย ก.พ. 9 หมื่นราย และ มี.ค. 150,000 ราย คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เนื่องจากจีนยังไม่อนุญาตการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ ส่วนมากจะให้เป็นการเดินทางมาทำธุรกิจ มาหาญาติ รวมถึงเที่ยวบิน การขอวีซ่าและการขอออกนอกประเทศยังไม่มาก ทั้งนี้ ประชากรจีนได้รับวัคซีนครบโดสมากกว่า 90% ในส่วนของแผนรองรับ ขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินหรือศูนย์อีโอซี (EOC) ระดับกรมควบคุมโรค จะมีการทำข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด โดยจะแยกเป็นกลุ่มคนไทยในประเทศ และกลุ่มผู้ทางมาจากต่างประเทศ เพื่อดูสถานการณ์ว่าถ้ามีนักท่องเที่ยวมากขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากการจะปรับมาตรการต่างๆ เราต้องดูจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นมากๆ หรือมีสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป ฉะนั้น เดือน ม.ค. นี้ จะก็มีการแยกข้อมูลและมีการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนเพิ่ม

นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า ส่วนติดตามเรื่องสายพันธุ์ จะมีการเก็บตัวอย่างน้ำจากระบบน้ำในเครื่องบินเพื่อดูว่ามีไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ ที่เราดำเนินการมา ยังพบเป็นสายพันธุ์เดียวกับในไทย ส่วนเรื่องวัดอุณหภูมิที่สนามบิน เดิมเรายกเลิกเพราะมีข้อมูลว่าประโยชน์ไม่มาก เนื่องจากอาการไข้ขึ้นเกิดได้น้อยมาก และทำให้เกิดคอขวดที่สนามบิน เราจึงจะแจกการ์ดสุขภาพ (health beware card) เพื่อแนะนำว่าถ้าป่วยจะต้องทำอย่างไรบ้าง

เมื่อถามถึงการทำประกันสุขภาพของนักท่องเที่ยว นพ.ธเรศ กล่าวว่า ประเทศจีนกำหนดว่า ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ต้องตรวจ RT-PCR ซึ่งหากนักท่องเที่ยวตรวจที่ไทยแล้วเจอว่าติดเชื้อ หากไม่มีประกันสุขภาพ ก็จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเองด้วย ทั้งนี้ ส่วนฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยวจะมีค่าบริการทางการแพทย์ ซึ่งกรมควบคุมโรค จะเปิดศูนย์วัคซีนสำหรับชาวต่างชาติที่ รพ.บางรัก ที่เดิมเป็นศูนย์บริการวัคซีนต่างชาติอยู่แล้ว ดังนั้น ก็จะมีระบบเตรียมพร้อมไว้