คืบหน้ากรณีไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ กรุงเทพฯ ซึ่งยืดเยื้อมานาน 24 ปี โดยมีการรื้อชุมชนบางส่วนไปแล้วเมื่อวันที่ 3-4 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. กรุงเทพมหานครได้นำป้ายประกาศไปติดตั้งบริเวณหน้าชุมชนยืนว่าจะมีการรื้อถอนในเดือนมกราคม 2560 เพื่อสร้างสวนสาธารณะในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ โดยยินดีให้ชาวบ้านเป็นลูกจ้างในการดูแลสวนและเล่าเรื่องราวของชุมชน แต่มีเงื่อนไขว่าไม่สามารถอยู่อาศัยในพื้น
นายชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า การที่บอกว่าประชาชนไม่สามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้นั้น เป็นเรื่องที่ผิด เพราะพื้นที่ในกรุงรัตนโกสินทร์ก็เป็นโบราณสถาน แต่ก็ยังคงมีประชาชน อาศัยอยู่ ทำงาน ท่องเที่ยว ได้ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนอยู่ร่วมกับโบราณสถานไม่ได้ นอกจากนี้ หากโบราณสถานขาดคนก็จะไร้ความหมาย สำหรับแนวทางในอนาคตที่กทม.ระบุว่า อาจจะมีการจ้างชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้เป็นลูกจ้างเพื่อช่วยดูแลรักษาพื้นที่ ส่วนตนมองว่าเรื่องดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจาก จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีการเปิดเผยแบบ หรือแนวทางการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้สังคมได้รับทราบแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การพูดรวมๆโดยไม่มีหลักการ และหลักฐานว่าจะทำอะไร นอกจากนี้ยังพบกับความขัดกันเองขณะให้สัมภาษณ์มาโดยตลอด เช่น ที่ผ่านมามีการบอกว่าจะเก็บบ้านที่เก่าแก่บางหลังเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นหลังไหน อีกวันก็บอกว่าจะรื้อหมด แสดงให้เห็นว่า รัฐฯยังคงขาดความคงเส้นคงวาของการให้ข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ตนสงสัย เนื่องจากที่ผ่านมาตนพยายามขอรูปแบบการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้กับทางกทม.มาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบรับแต่อย่างใด
