ทช.รื้อ เรด ซี รีสอร์ต ออกโฉนดโดยมิชอบ ซ้ำถมทะเลทำกัดเซาะรุนแรง แจ้งอธิบดีที่ดิน เพิกถอนโฉนดทันที

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่สถานีพัฒนาทรัพยากรทางทะเลที่ 6 (เพชรบุรี) ต.บางขุนไทร อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) นำโดย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) นายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉลามขาว ทช. พล.ท.สุพจน์ ถนอมบุญ กองกำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) จ.เพชรบุรี พล.ต.ท.มานัส ขันคีรีวัฒน์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.ท่าไม้รวก ช่วยราชการชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ทช. กอ.อมน. ตำรวจ กว่า 50 นาย ได้ร่วมประชุมเพื่อเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลนในพื้นที่รับผิดชอบ ของส่วนบริหารจัดการป่าชายเลนที่ 3 โดยมีเป้าหมายที่ RED Z (เรด ซี) รีสอร์ต เกาะเบ็นซ์ รีสอร์ตหรู ตั้งอยู่ ต.บางเก่า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่ง อยู่ในเขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) พ.ศ.2530 และเป็นพื้นที่ ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ(ป.ป.ป.) ได้มีมติให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด ที่ดินดังกล่าว

นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า พื้นที่ เรด ซี รีสอร์ต เกาะเบ็นซ์ นั้นเป็นพื้นที่ ที่มีโฉนด แต่ตั้งอยู่ในป่าชายเลนตามมติ ครม. 15 ธันวาคม 2530 กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลน แต่รีสอร์ต นี้ออกเอกสารสิทธิ์ ในปี 2534 ถือเป็นการออกเอกสารสิทธิ์ หลังการประกาศตามมติ ครม.ให้เป็นป่าชายเลน ต่อมาได้มีประชาชนร้องเรียน ป.ป.ป. มีมติให้เพิกถอนในปี 2542 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเพิกถอนแต่อย่างใด

15178122_10154318971118878_8489480095953117853_n

15253553_10154319075668878_4115375919369408891_n

Advertisement

15267984_10154318970938878_5304218089364641864_n

จากนั้น นายศักดิ์ดา ได้นำคณะเจ้าหน้าที่เดินทางด้วยรถยนต์ ไปยัง เรด ซี รีสอร์ต เกาะเบ็นซ์ พบว่า บริเวณด้านหน้ารีสอร์ต มีชาวบ้านประมาณ 100 คน ได้มาสังเกตการณ์ เมื่อคณะเจ้าหน้าที่มาถึง กลุ่มชาวบ้าน ได้ไปให้กำลังใจเจ้าที่ และขอให้มีการรื้อถอนรีสอร์ตดังกล่าวโดยเร็ว เพราะมีปัญหากับชาวบ้านมาโดยตลอด โดย นายอ้วน สะอาดดี ที่อ้างว่าเป็นผู้ดูแลรีสอร์ตดังกล่าว ได้มาแสดงตัวว่าเป็นคนดูแล แต่เจ้าของตัวจริง คือ นางอุไรรัตน์ ศักดิ์วรรณาจะเดินทางมาที่รีสอร์ตนี้ทุกวันหยุด

นายศักดิ์ดา จึงแจ้งว่า จะมาขอตรวจวัดพิกัดพื้นที่ว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ไปรังวัด ทั้งนี้รีสอร์ตดังกล่าวเป็นอาคารตึก 5 หลัง มีทั้งหมด 16 ห้อง ด้านหลังรีสอร์ต ติดกับทะเล วิวทะเลสวยงามมาก โดยบริเวณที่ติดกับทะเล ได้มีการเอาหินขนาดใหญ่มากั้นเป็นแนวป้องกันคลื่น คล้ายเขื่อนกันคลื่น ยาวประมาณ 200 เมตร ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรังวัดนั้น ได้มี นายสุรพงษ์ ลิ้มสุคนธ์ อ้างว่าเป็นเจ้าของของรีสอร์ต ดังกล่าว มาแสดงตัว พร้อมเข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่

Advertisement

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนทำรีสอร์ตดังกล่าว และซื้อที่ดินแห่งนี้มา 30 ปี แล้ว โดยซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมาได้ขายให้คนรู็จัก ไม่ทราบเรื่องว่ามีการนำหินขนาดใหญ่มาถมในทะเล ในช่วงที่ตนอยู่นั้นทำเพียงกำแพงกั้นคลื่นไว้เท่านั้น ระหว่างที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ ไม่ทราบว่าเจ้าของใหม่ ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง แต่คนที่ดำเนินการ มีปัญหา โดนฟ้องร้อง ตนจึงมารับซื้อรีสอร์ตแห่งนี้คืน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาในราคา 129 ล้าน พื้นที่รีสอร์ต มีทั้งสิ้น 18 ไร่ 3 งาน 65 ตาราวา ยินดีจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และจะทำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลย ว่าที่ดินที่ตนครอบครองถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา โฉนดดังกล่าวก็ไม่มีการตรวจสอบชัดเจน ทำให้การลงทุนบานปลายไปเรื่อย เริ่มจาก 10 ล้านบาท จนปัจจุบันบานปลายไปเกือบ 200 ล้านบาท ถ้าเอกสารที่ตนครอบครองไม่ถูกต้องจริง ตนก็พร้อมที่จะยุติ และพร้อมที่จะให้ราชการรื้อรีสอร์ตดังกล่าว

นายศักดิ์ดา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น โฉนดแห่งนี้ เลขที่้ 4825 หน้าสำรวจ 185 เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา ออกเป็นการเฉพาะรายให้แก่นายฉลาด ชลภาพ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2534 โดยอาศัยหลักฐานหนังสือ แสดงการทำประโยชน์ของนิคม สหกรณ์(กสน.5) เลขที่ 208/2534 ซึ่งออกโดยมิชอบด้วยกฏหมาย เนื่อง จาก ป.ป.ป. ในขณะนั้นได้สอบสวนแล้ว มีความเห็นว่า ที่ดินตามโฉนดดังกล่าว แต่เดิมเป็นทะเล หาดทรายชายทะเล และคลองบางส่วน อันเป็นที่สาธารณะประโยชน์ เป็นที่หวงห้ามตามประกาศราชการ ประกอบกับที่ดินบางส่วน ไม่ได้อยู่ในเขตนิคมสหกรณ์ ชะอำ และได้มีการออกโฉนดที่ดิน ไม่ตรงตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมกสิกรรมในรูปสหกรณ์ ใน จ.เพชรบุรี พ.ศ. 2499 จึงเป็นโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ต่อมา ป.ป.ป.ได้เพิกถอนโฉนดในปี 2542 จากนั้นกรมที่ดิน ได้ตั้งกรรมการสอบสวนจามมาตรา 61 แห่งประมวลกฏหมายที่ดิน ให้เเพิกถอนที่ดินผืนดังกล่าวแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเพิกถอน ดังนั้น ตนจะทำหนังสือถึงผู้ว่า จ.เพชรบุรี และธิบดีกรมที่ดินให้มีการเพิกถอนที่ดินผืนนี้

นายศักดิ์ดา กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า การที่รีสอร์ตดังกล่าวถมหินขนาดใหญ่ลงทะเล ถือเป็นการถมทะเล มีความผิด ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง ด้านข้าง ทั้งซ้าย ขวา ของรีสอร์ต ด้านละ 60-70 เมตร ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อทำหนังสือถึงกรมที่ดินเรื่องการเพิกถอนแล้ว ตนจะรื้อรีสอร์ตดังกล่าวทันที เพื่อคืนชายหาดให้ประชาชน

ขณะที่ นายพายุ เอกวัตร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 กล่าวว่า รีสอร์ต ดัวงกล่าว สร้างแต่ปี 2527 เดิมก่อนก่อสร้างรีสอร์ต เป็นพื้นที่ป่าสนสวยงาม ต่อมา เจ้าของได้มีการสร้างกำแพงปิดล้อมชายหาดในรีสอร์ตดังกล่าว โดยชาวบ้านต่อต้านมาตลอด แต่สู้นายทุนไม่ไหว ขณะที่น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง ปัจจุบันน้ำเซาะชายฝั่งลึกเข้ามาประมาณ 50 เมตร ยาวตั้งแต่ โตนดน้อย ไปถึงหาดปึกเตียน ที่ผ่านมา เคยมีพระสงฆ์ นำชาวบ้านปลูกป่าสนกว่า 700 ต้น แต่ทนแรงน้ำทะเลเซาะไม่ไหว ล้มตายหมด รู้สึกดีใจมากที่ทช.เข้ามาดำเนินการรื้อรีสอร์ตให้ประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image