แม่ใจจะขาด ลูก1ขวบโคม่า หลังเนิร์สเซอรี่ โทรแจ้งหยุดหายใจ อ้างเด็กเอาผ้าปิดจมูกเอง

แม่ใจจะขาด ลูกชาย 1 ขวบโคม่า หลังเนิร์สเซอรี่ โทรแจ้งหยุดหายใจ บอกเด็กเอาผ้าปิดจมูกเอง ขอดูกล้องอ้างพัง 

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 มกราคม นางสาวพัชรา ยิ่งยงสันต์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ประเสริฐ สอนแจ่ม ผกก.สน.หนองจอก และพ.ต.ท.มานิต จันทร์ประสิทธิ์ รอง ผกก.สอบสวน สน.หนองจอก ว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้นำ น้องกุน ลูกชายวัย 1 ขวบ 11 เดือน มาฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี่แห่งหนึ่งย่านหนองจอก กทม. ใกล้กับบ้านพักของตน จนช่วงบ่ายครูพี่เลี้ยงได้โทรมาแจ้งว่าน้องไม่หายใจแล้ว โดยแจ้งว่าเพราะผ้าปิดจมูกน้อง ก่อนที่ทางเนิร์สเซอรี่จะรีบนำส่งโรงพยาบาล หมอบอกตอนนี้โอกาสรอดแทบจะไม่มี ตนขอดูกล้องวงจรปิดเนิร์สเซอรี่ก็บ่ายเบี่ยงบอกใช้ไม่ได้

แม่น้องกุน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.65 ตนได้พาลูกไปลองทดสอบก่อนเป็นสัปดาห์ ว่าลูกจะสามารถอยู่เนิร์สเซอรี่ได้หรือไม่ ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจไปเทสต์ เขาบอกมีกล้องวงจรปิดคุณแม่สามารถเปิดดูได้แต่จะไม่ให้ดูตลอด ตนก็มั่นใจว่ามีกล้องวงจรปิด กระทั่ง ม.ค.66 ตนกับสามีก็จะสลับกันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ถ้าตนไปทำงานสามีจะเป็นคนดูแล

แต่วันที่ 18 ม.ค.66 ตนกับสามีต้องไปทำงานทั้งคู่ จึงนำลูกไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี่ เป็นวันแรก โดยเวลา 10.42 น.ครูได้ส่งคลิปของน้องกุน ขณะดื่มนมมาให้ตนดู จากนั้นเวลา 12.42 น. ตนทักแชตไลน์ไปถามว่าน้องกินข้าวมั้ย นอนหลับหรือเปล่า แต่ทางเนิร์สเซอรี่ไม่อ่านไลน์และไม่ตอบกลับ กระทั่ง 14.23 น. ทางเนิร์สเซอรี่ โทรมาแจ้งว่าน้องไม่หายใจแล้ว เขาบอกว่าน้องนอนเอาผ้าปิดจมูกตัวเอง ตนก็บอกว่าเป็นไปได้อย่างไรผ้าผืนดังกล่าวไม่หนา เป็นผ้าผืนที่น้องติดมาตั้งแต่เกิด

แต่ทางเนิร์สเซอรี่ยังย้ำแจ้งกับตนอีกว่า น้องเอาผ้าปิดจมูกหยุดหายใจตั้งแต่อยู่เนิร์สเซอรีแล้ว จากนั้นเนิร์สเซอรี่ ได้นำตัวน้องส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นตัวเขียวหมดแล้ว ทางโรงพยาบาลปั๊มหัวใจขึ้นมาแต่ไม่สามารถรักษาต่อได้ เพราะไม่มีเครื่องช่วยหายใจเด็ก จึงส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลแห่งที่สอง แจ้งว่าน้องขาดหายใจมานาน ตอนนี้โคม่าเปอร์เซ็นต์รอดแทบไม่มี ตนจึงขอให้หมอช่วยประคองอาการน้องให้ก่อน จะให้หยุดรักษาเลยตนยังทำใจไม่ได้

Advertisement

โดยทางคุณหมอได้บอกกับตนตรงๆ ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เด็ก 1 ขวบ 11 เดือน นอนแล้วจะเอาผ้าปิดจมูก หมอจึงเรียกตนไปคุยและบอกว่า อยากให้เคสของตนส่งต่อเตือนให้พ่อแม่คนอื่นๆ

หลังเกิดเหตุตนได้ไปขอดูกล้องวงจรปิด ทางเนิร์สเซอรี่แจ้งว่ากล้องพัง ตนจึงพยายามสอบถามถึงเหตุที่เกิดขึ้น แต่ก็ยืนยันคำตอบเดิมว่าน้องเอาผ้าปิดจมูก แต่ที่ตนติดใจที่ไม่มีกล้องวงจรปิดให้ดู ซึ่งตนก็อยากรู้ว่าเป็นไปตามที่เนิร์สเซอรี่บอกจริงๆ หรือเปล่า ทำไมกล้องจึงพังจังหวะเหมาะเจาะ อย่างไรก็ตามตนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.หนองจอก หลังจากรับแจ้งตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่ ตร.ไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางเนิร์สเซอรี่อ้างว่ากล้องพังเพราะไม่ได้ใช้งานนาน

ตนอยากเรียกร้องให้เนิร์สเซอรี่ออกมาชี้แจง โดยส่วนตัวถ้าไม่มีวงจรปิดตนจะไปเอาลูกไปฝากเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ตอนที่จะไปเขายืนยันว่ามีกล้องวงจรปิดจึงกล้าเอาไป พอเกิดเรื่องปรากฏว่ากล้องใช้ไม่ได้ มันเกิดกับเด็กก็ไม่รู้เรื่อง เนิร์สเซอรี่เปิดถูกต้องถูกหลักหรือเปล่าตนก็ไม่รู้ แต่ที่ตนเลือกเพราะอยู่ใกล้บ้าน ถ้ากล้องไม่ดีรับเลี้ยงเด็กได้อย่างไร มันไม่ยุติธรรมสำหรับตน ความปลอดภัยมันไม่มี

Advertisement

นางสาวพัชรา กล่าวต่อว่าตนไม่เชื่อว่าผ้าปิดจมูกแล้วทำให้น้องไม่หายใจ ไม่ได้คิดว่าน้องโดนทำร้าย แต่เขาละเลยเกินไปหรือเปล่า โดยช่วงเกิดเหตุทางครูพี่เลี้ยงบอกว่าออกไปกินข้าวตอน 13.15 น. กลับมาดูอีกทีประมาณ 14.00 น. เห็นน้องนอนคว่ำหน้าเอาผ้าปิดจมูกเหมือนเอาปิดหน้า แล้วเห็นตัวเขียวไม่หายใจ ก่อนจะโทรมาแจ้งให้ตนทราบ ตนทำใจไม่ได้จริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image