ฟังแม่”เจมส์ บอนด์”พูดชัดๆพ่อ”อุ้ม ลักขณา”มาขอบคุณ ที่ไม่เอาเรื่องลูกสาว-ญาติบอลไม่มี

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 2 ธันวาคม ที่โรงพยาบาลลานนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ ภริยา พล.ต.วิทยา วรรควิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ที่ 38 จ.น่าน ในฐานะมารดานายอภิราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์บอน ผู้เสียหาย จากคดีนายกฤษณะ อมิตรสูญ หรือบอล แฟนหนุ่มอุ้ม ลักขณา พร้อมพวก รวม 4 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกาย แถลงข่าวกับสื่อมวลชน ว่า กรณีมีข่าวว่าพล.ต.วิทยา และตนเองเป็นคนสั่งให้คนไปรับตัวนายกฤษณะ มาจากศาล เพื่อให้มาพบที่โรงพยาบาลลานนานั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนที่เงียบไปหลายวัน ไม่สะดวกให้ข่าว ประกอบกับพล.ต.วิทยา ขอร้องไว้ แต่จำเป็นต้องมาแถลงข่าว ให้สังคมรับรู้ว่านายกฤษณะไม่ได้มาหาคุณแม่ และคุณแม่ก็ไม่ได้ให้ใครไปรับนายกฤษณะ อย่างใด

“อยากถามว่าใคร เป็นคนปล่อยข่าวว่านายกฤษณะ มาพบคุณแม่ที่โรงพยาบาลรู้สึกสับสน และไม่รู้ว่าใครทำอะไรกันอยู่ กรณีนายกฤษณะ จะติดต่อมาพบตนกับ พล.ต.วิทยา นั้น คุณแม่ยังไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ ขอปรึกษา พล.ต.วิทยา และไตร่ตรองก่อน เพราะมีการปล่อยข่าว และใส่ร้ายตนกับครอบครัว ว่าเราเป็นคนสั่ง ถ้าเป็นข่าวที่ออกจากจากฝั่งผู้ต้องหา ไม่ได้ออกจากปากคุณแม่ ยืนยันว่าไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน” นางปุนยวัจนา กล่าว

นางปุนยวัจนา กล่าวอีกว่า อาการของบุตรชาย ดีขึ้นมากแล้ว แต่ตายังอักเสบอยู่ ที่กังวลมีไข้ทุกวันสูงบ้างต่ำบ้าง ทำให้กังวงใจ สำหรับจมูกของน้อง โดยรวมแล้ว ยังมีรอยช้ำและกระดูกหัก ซึ่งแพทย์ที่ทำการรักษา บอกว่าอาจใช้เวลารักษา 1-2 เดือน เพราะถูกกระแทกจากหมัด ถูกกระทืบอย่างรุนแรง ส่วนค่าใช้จ่่ายในการรักษาพยาบาลบุตรชายนั้น ไม่ขอตอบ ทางโรงพยาบาลไม่แจ้งทุกวัน ไม่อยากพูดในสิ่งที่ไม่รู้

กรณีที่มีข่าวว่ามีญาติผู้ใหญ่ของนายกฤษณะ มาเยี่ยมพร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ให้บุตรชายนั้น ขอปฏิเสธไม่เป็นความจริง เป็นคุณพ่อของอุ้ม ลักขณา ที่มาพบเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ใช่จริงหรือไม่ ไม่ขอยืนยัน แต่ได้ถ่ายบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน พร้อมสอบถามผู้มาขอพบว่า มาในฐานะอะไร ถ้ามาจากฝั่งนายบอลคุณแม่ ยังไม่พร้อมให้เข้าพบ แต่คนที่มาขอพบ ยืนยันว่าเป็นพ่อน้องอุ้ม จึงอนุญาตให้เข้าพบได้ เพราะเข้าใจในความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งเขาบอกว่าอยากมาขอบคุณ ที่ไม่ได้เอาเรื่องลูกเขา ไม่ได้นำมาเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

Advertisement

“จึงบอกกับพ่อน้องอุ้ม ว่า น้องอุ้มไม่ได้เป็นคนสั่งกระทืบลูก แต่แยกแยะไม่อยากใส่ร้ายคนอื่น คนที่กระทำผิดก็ควรรับความผิด คนที่ไม่ได้ทำผิด ก็ไม่ควรได้รับผลการกระทำ ส่วนความคืบหน้าคดี ไม่ได้สนใจเท่าไร แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ไม่ห่วงกรณีกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่ได้รับการประกันตัวจะไปยุ่งเหยิง ข่มขู่พยาน หรือหลบหนี เพราะเชื่อมั่นการทำงานเจ้าหน้าที่ กรณีนางสาวิกา ณ ตะกั่วทุ่ง มารดานายกฤษณะ พร้อมเด็กผู้หญิง(บุตรสาวบอล)มาขอพบที่โรงพยาบาลนั้น ไม่ได้ให้เข้าพบ ยังไม่พร้อม ยังทำใจไม่ได้ แต่อยากให้บอลมาพบโดยตรง เพราะคุณแม่ถือว่า คนไหนทำผิด ก็ต้องรับผิด ไม่ต้องผ่านใคร ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าโกรธมาก อาจพูดไม่สุภาพไม่เท่าไร”นางปุนยวัจนา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฤษณะ ยังให้การภาคเสธ เพียงยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้สั่งการ์ด หรือพนักงานรุมทำร้ายเจมส์บอน และไม่ได้พูดว่าเป็นคนมีเงิน หรือแฟนดาราตามที่แม่ผู้เสียหาย ได้ยินทางโทรศัพท์ นางปุนยวัจนา ตอบว่า เขาจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา ถ้าพูดแล้วคิดว่าสบายใจ อาจหลอกลวงคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ ต้องรู้ดีว่าพูดหรือไม่พูด แต่ยืนยันว่าได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทุกวันนี้ยังได้ยินเสียงของลูกโหยหวน ความเจ็บปวดที่ถูกได้รับ พร้อมขอชีวิตจากพวกคุณ แต่กลับได้ยินคุณอวดอ้างว่า รวย จะทำอะไรก็ได้ นั่นหมายความว่า เงินซื้อที่ได้ทุกอย่างจริงหรือ อยากให้พูดความจริงมากกว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ไม่ได้ออกมาพูดหรือตอบโต้ เพราะรับปาก พล.ต.วิทยา หรือพ่อน้องเจมส์บอนด์ไว้ ไม่อยากให้สามีได้รับผลกระทบกระเทือนอะไรมากกว่านั้น เพราะเป็นข้าราชการทหาร อยากขอบคุณสื่อมากกว่า ที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตัว และปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก พร้อมยืนยัน ไม่เคยส่งลูกน้องหรือใคร ไปข่มขู่ หรืออุ้มผู้ต้องหา ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ตามที่แม่ของผู้ต้องหากล่าวอ้างอย่างใด

“อยากให้สื่อสัมผัส พล.ต.วิทยา ว่าเป็นคนอย่างไง เป็นคนเรียบร้อย มีมนุษยธรรมสูงมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครจะทำอะไร มีกระทบกระทั่งกัน ท่านบอกเสมอว่า ช่างเขาเถอะ อโสหิกรรม คนเราจะได้ไม่มีเวรซึ่งกันและกัน คุณแม่ขอพูดไว้เลยว่า คำว่าข่มขู่ จากเราไม่มีแน่นอน ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้พูดแล้วว่า คุณไปทำความผิดอะไรมา ไปทำคนอื่นหรือเปล่า ถึงได้หวาดระแวงขนาดนั้น ถ้าเป็นคนปกติ ไม่มีเรื่องกับใคร ก็ไม่ต้องมีการ์ดเดินตามหน้าตามหลัง เชื่อว่าเขารู้ตัวเขาเอง ว่าทำอะไรอยู่ ขอร้องอย่าโกหกโลก ให้มากกว่านี้”นางปุนยวัจนา กล่าว

Advertisement

นางปุนยวัจนา กล่าวอีกว่า อยากหยุดให้สัมภาษณ์นักข่าว สักระยะหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เสียรูปคดี และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนคนที่ปล่อยข่าว สร้างกระแสให้สังคมเห็นใจกลุ่มผู้ต้องหา อยากบอกว่าสักวันหนึ่ง คนในสังคมก็รู้ความจริง อะไรเป็นอะไร ดังนั้นอยากหลอกกันเลย อย่างวันนี้อยากมาให้ข่าวเพื่อชี้แจงบ้าง แต่ยืนยันไม่หลอกนักข่าวแน่นอน ขอความกรุณาลงข่าวตามที่คุณแม่พูด ตอนนี้รู้สึกว่าเหนื่อยเหลือเกิน แต่ขอยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ให้บทเรียน เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไรบ้าง นางปุนยวัจนา กล่าวว่า กรณีน้องเจมส์บอนด์ เป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือขจัดสิ่งชั่วร้ายในสังคมได้บ้าง เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สังคมมีทั้งคนดีคนชั่ว แต่ต้องให้คนดีมาปกครอง ไม่ให้คนชั่วมีอำนาจต่อไป ไม่อยากพูดในฐานะแม่น้องเจมส์บอลเท่านั้น แต่อยากพูดแทนสังคม ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวอีก แต่เชื่อว่าไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย แต่ขอให้ลูกเจ็บเป็นคนสุดท้าย ขอให้สังคมดีขึ้น ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งแม่ น้องเจมส์บอนด์ ครอบครัว ทำงานเพื่อสังคมอยู่แล้ว

นางปุณยวัจนา กล่าวกรณีร้านมาลินสกาย ถูกสั่งปิด ยกเลิกสัญญาเช่า และรื้อถอนตามคำสั่งของเทศบาลตำบลช้างเผือก ภายใน 30 วัน ว่า ยอมรับว่าเคยไปใช้บริการที่มาลินสกาย ไปกับบุตรชาย เมื่อ 1 เดือนก่อน เพราะไปซื้อของใช้ที่มาลิน พลาซ่าก่อนบุตรชาย ชวนไปนั่งดื่มบนดาดฟ้าของร้านดังกล่าว แต่บุตรชาย ไม่ใช่นักดื่ม แต่ชวนไปถ่ายรูปที่ร้านดังกล่าว เพราะตอนกลางคืนมันสวย แต่ไม่เคยเข้าไปใช้ห้องน้ำที่ร้าน ไม่รู้ด้วยซ้ำอยู่ที่ไหน ไปใช้บริการเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น

“เหตุที่บุตรชาย ไปเที่ยวที่ร้านมาลิน สกาย ในวันเกิดเหตุ เพราะนัดหมายเพื่อนสนิทหรือคนที่รู้ใจไปพบ ที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่ยืนยันว่าไม่ใช่พนักงานในร้านดังกล่าว ซึ่งลูกเป็นเด็กที่น่ารัก รักเพื่อนฝูง ครอบครัวเป็นคนที่ตลก อยากให้สัมภาษณ์เขาเอง ไม่อยากโฆษณาลูก เดี๋ยวถูกกล่าวหาว่าเวอร์ แต่ได้พูดคุยกับลูกว่า ทำไมไปใช้บริการที่ร้านดังกล่าว ลูกบอกว่า อยากไปนั่งดื่มกินแบบซิล ๆ เลยพูดเป็นคำเมืองว่า หันก่อไปกิ๋นซิว ๆ เลยโดนตี๋ เจ็บตั๋วบ่ดาย (หัวเราะ)” นางปุณยวัจนา กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปุนยวัจนา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพียง 30 นาที ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย บางครั้งมีรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดคุย หยอกล้อกับสื่อมวลชน อย่างเป็นกันเองมากขึ้น ก่อนขอตัวไปเฝ้าดูอาการน้องเจมส์บอนที่ห้องพักรักษาตัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image