นายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงการจราจรโดยรอบภายหลัง สำนักการโยธาได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต โดยจะมีการทุบสะพานข้ามแยกรัชโยธินทิ้ง แล้วทำอุโมงค์ทางลอดแทน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ว่า หลังจากที่กทม.ได้ส่งพื้นที่ให้กับ รฟม. แล้ว เดิมทีได้มีกล้องวัดปริมาณรถจำนวน 4 จุดบริเวณแยกนั้น แต่ต้องรื้อออกเนื่องจากต้องขยายทางแยก ต่อมา พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯกทม. ก็ได้สั่งการให้นำกล้องนับรถนี้กลับไปติดตั้งอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้สามารถติดตั้งได้เพียง 1 จุดเท่านั้น เพราะอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ทำให้ไม่สามารถเดินสายเชื่อมกล้องได้ จึงนับปริมาณรถได้เพียงทิศทางเดียว คือ จาก เส้นทางไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าวถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล้องจึงไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่กทม. ก็ได้ประสานเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งผลัดเวรสับเปลี่ยนเพื่อให้เข้าไปช่วยนับรถในบริเวณแยกดังกล่าว ผลปรากฏว่า สามารถช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความแม่นยำขึ้น และเจ้าหน้าที่ก็สามารถกำหนดสัญญาณไฟจราจรให้สัมพันธ์กับรถในทิศทางที่ดี รวมถึงหลังจากที่ได้ปิดสะพานอย่างเต็มรูปแบบมา 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณรถผ่านแยกบริเวณดังกล่าวลดลง สามารถช่วยบรรเทาการจราจรติดขัดได้บ้าง
นายสุธน กล่าวว่า นอกจากนี้ สาเหตุหนึ่งของจำนวนรถลดลง เพราะประชาชนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ซึ่งอาจจะทำให้การจราจรติดขัดในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง กทม.ก็ต้องคำนวณปริมาณรถโดยใช้กล้องนับรถนี้วัดปริมาณรถในเส้นทางอื่น โดยรองผู้ว่าฯกทม.ก็สั่งการให้ติดตั้งกล้องนับรถเพิ่มเติมใน 49 แยกจากทั้งหมด 500 กว่าแยก เพื่อให้การจราจรในเส้นทางอื่นไม่ติดขัดด้วย
” แม้การจราจรบริเวณแยกรัชโยธินจะติดขัดในระหว่างนี้ ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการหลีกเหลี่ยงเส้นทางดังกล่าว โดยอาจจะอาศัยเครื่องมือ เช่น google maps เพื่อคำนวณถึงการจราจรที่ติดขัดในเส้นนั้น ๆ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการจราจรอาจจะติดขัดในช่วงแรก เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับตัวทั้งของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่คาดหวังว่าในระยะต่อไปประชาชนจะสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น” นายสุธน กล่าว
