เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม สำหรับบรรยากาศการเข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพทางประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก่อนจะให้ประชาชนเข้าวิมานเทเวศน์ ผ่านประตูสุวรรณบริบาล ในช่วงมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2559 โดยจะกลับไปเปิดให้ประชาชนเข้าประตูวิเศษไชยศรี หลังเสร็จพระราชพิธี และจะเปิดให้เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ในวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามอีกหนึ่งวัน ทั้งนี้ ประชาชนยังคงเดินทางมาเข้าคิวตั้งแต่ในช่วงเช้าตรู่ ขณะที่ประชาชนบางส่วนปักหลักรอขบวนเสด็จฯ พระบรมวงศานุวงศ์ที่เสด็จมาร่วมพระราชพิธีหน้าประตูวิเศษไชยศรี
นางหรรษา เยน อายุ 35 ปี ชาว จ.สตูล อาชีพขายผลไม้ ซึ่งอาศัยอยู่ที่มาเลเซียนับ 20 ปีแล้ว เดินทางมาพร้อมครอบครัวชาวมาเลเซีย ประกอบด้วยนายทิมแมน เยน พร้อมลูกอีก 2 คน โดยนางหรรษา กล่าวว่า ตนและครอบครัวขับรถมาจากประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม แล้วจอดรถไว้ที่สนามบินหาดใหญ่ จากนั้นได้พากันนั่งเครื่องบินจากหาดใหญ่ มาสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อมาเข้าคิวรอที่ท้องสนามหลวงช่วงตี 4 ของวันนี้ ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโดยตรงเพราะรักในหลวง ร.9 มาก ถึงแม้จะเดินทางไปอยู่ที่มาเลเซียแต่ก็ยังผูกพัน ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงชาติจะรู้สึกดีใจและลูกคนเล็กก็จะร้องเพลงชาติ และเห็นภาพในหลวงก็จะยกมือไหว้ทุกครั้ง วันนี้ ถือเป็นบุญที่ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะใกล้ชิด เพราะทั้งชีวิตไม่เคยได้รับเสด็จฯ
“วันที่พระองค์เสด็จสวรรคต แม่โทรไปเล่าที่มาเลเซีย รู้สึกเสียใจมาก ทุกวันนี้เห็นข่าวพระองค์ก็ร้องไห้ทุกครั้ง เข้าไปกราบเมื่อกี้ก็น้ำตาไหล ทั้งเสียใจและตื้นตันใจ ที่ผ่านมาได้น้อมนำหลักคำสอนของพระองค์มาใช้เรื่องความพอเพียง และดูแลคนที่เรารัก ช่วยเหลือกันและกัน คนที่ไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศจะไม่รู้ว่าประเทศไทยดีแค่ไหน คนไทยมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน ลูกชายเห็นคนไทยแจกอาหารที่สนามหลวงยังไม่เข้าใจ เพราะต่างประเทศไม่มีภาพแบบนี้ นั่นเป็นเพราะผู้ใหญ่ปลูกฝังกันมาจึงซึมซับในเรื่องการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน” นางหรรษา กล่าวด้วยน้ำตาคลอ
นายประเสริฐ ตะคร้อสันเทียะ อายุ 70 ปี ชาวอ.โนนชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเดินทางมาเข้าสักการะพระบรมศพคนเดียวเป็นครั้งที่ 3 โดยเดินทางมาร่วมจุดเทียนอาลัยในหลวงร.9 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม และอยู่ต่อแถวตั้งแต่เวลาตี 4 โดยกล่าวว่า แม้จะมาหลายครั้งแล้วแต่วันนี้ก็ยังคงภูมิใจ ที่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีแล้ว ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่รู้จะมีโอกาสอีกกี่ครั้ง ตั้งจิตไว้ว่าอยากจะมาให้ครบ 9 ครั้ง เพราะเป็นตัวเลขมงคล เปรียบเหมือนชีวิตที่ก้าวไปข้างหน้า เมื่อได้กราบสักการะก็ได้คิดถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงสละแรงกายและแรงใจลำบากเพื่อคนไทย ทำให้ประชาชนทุกคนรักพระองค์ ที่ผ่านมาเคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จ 1 ครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ แม้จะเล็กมาก แต่ความทรงจำยังแจ่มชัดเก็บไว้ให้ลูกหลานฟังได้ ส่วนตนมีอาชีพทำนา ได้ยึดเอาหลักเกษตรผสมผสานดำรงชีพได้จนทุกวันนี้ แบ่งพื้นที่ทำนาทำสวน เลี้ยงสัตว์ บ่อน้ำ และบ้านพักอาศัย ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง
นายสถาพร วารีศรี ข้าราชการบำนาญ อดีตนายอำเภอคลองขลุง จ.กำแพงเพชร ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพร่วมกับชาวกำแพงเพชรตั้งแต่ช่วง 5 ทุ่มของเมื่อวานและได้เข้าต่อคิวตอนตี 3 กล่าวว่ารู้สึกภูมิใจที่ได้มาสักการะพระบรมศพสักครั้ง ส่วนตัวเป็นข้าราชการข้าของแผ่นดิน ก็ยึดหลักซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ และทำงานให้ประชาชนให้ดีที่สุด
ขณะที่ นางอัจฉรา จาดภักดี อายุ 46 ปี กล่าวพร้อมน้ำตาว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้เข้ามาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต เตรียมใจว่าอาจจะต้องรอนานแต่เมื่อมาจริงก็ได้รับการอำนวยความสะดวกดีมาก ตั้งแต่ทราบข่าวในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ก็ยังคงร้องไห้มีน้ำตาทุกวัน จึงต้องใช้หลักธรรมะ ซึ่งตนเองปฏิบัติธรรมเป็นประจำอยู่แล้วมายึดใช้ในชีวิต เข้มแข็งและปล่อยวาง โดยยึดคำสอนเรื่องความพอเพียง ประหยัด และเอื้ออาทรแก่เพื่อนมนุษย์ต่อไป
นางสาวสายศรี วงศ์จรรยากุล อายุ 70 ปี ประชาสัมพันธ์ห้องสมุดแห่งหนึ่ง จากเมืองแคลิฟอร์เนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาพร้อมสามี นายโรเบิร์ต แมคคอร์มิก เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กพิเศษ ตั้งใจเดินทางจากประเทศสหรัฐอเมริกามาถวายสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกโดยก่อนหน้านี้มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จขบวนเคลื่อนพระบรมศพ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม รวมทั้งมาลงนามถวายสักการะและร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ท้องสนามหลวง
นายโรเบิร์ต กล่าวว่าการถวายสักการะพระบรมศพในวันนี้ถือเป็นการให้เกียรติกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ที่ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทรงไม่ได้ช่วยเหลือแต่คนรวย แต่ช่วยคนยากจนให้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก แม้เป็นชาวต่างชาติแต่ได้ติดตามข่าวสารการทรงงานจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ยิ่งประทับใจในพระองค์ ซึ่งแตกต่างจากผู้นำของประเทศอื่นๆ
“ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานหนักเพื่อประชาชน ทรงเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ไม่เฉพาะพระองค์เท่านั้น แต่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท อุทิศพระวรกายทำงานเพื่อคนไทย เพื่อประเทศชาติ” นายโรเบิร์ตกล่าว
ด้าน นางสาวสายศรี กล่าวเสริมว่า รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก ตั้งปณิธานไว้ว่าก่อนตายจะต้องมาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง ดังนั้นระยะทางที่ห่างไกลจึงไม่เป็นอุปสรรค ยิ่งเห็นประชาชนมากันอย่างล้นหลามยิ่งสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ วันที่พระองค์เสด็จสวรรตครอบครัวเราได้แต่งชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้ทุกข์และตั้งใจจะสวมชุดสีดำกระทั่งถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
นางนิติมา มณีวิทย์ อายุ 51 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยสตูล นำคณะผู้บริหาร ครู และบุคลากร จำนวน 39 คน เดินทางมาด้วยรถบัสโดยสารระยะทางร่วม 1 พันกิโลเมตร เข้ากราบสักการะพระบรมศพ โดยเปิดเผยด้วยเสียงสะอื้นว่า โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียน 1 ใน 12 โรงเรียนตามโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงต้องการสร้างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้ประเทศไทยได้พัฒนาคนรุ่นใหม่ในด้านวิทยาศาสตร์อย่างก้าวทัน
“พวกเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เมื่อได้เข้ากราบพระบรมศพ เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออก ตนในฐานะข้าราชการ มีความประทับใจในหลวง ร.9 ในด้านที่ทรงแบบอย่างให้กับข้าราชการในการทรงงานเพื่อประชาชน ในการด้านศึกษาทรงใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา ส่วนตัวได้ยึดแนวทางการเป็นข้าราชการดี ไม่มีอาชีพเสริม ไม่ทำธุรกิจใดๆ” นางนิติมา เผย
