ข่าวหน้า 1 “10องคมนตรี” ถวายสัตย์ “ไพบูลย์-ดาว์พงษ์-ธีรชัย”

ตั้ง3คนใหม่กับชุดเดิมอีก7 สุรยุทธ์-พลากร-นพ.เกษม เข้าเฝ้าฯปฏิญาณตนวันนี้ ทำเนียบอัญเชิญรูป”ร.10″

ทำเนียบอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ประดิษฐานหน้าตึกไทยคู่ฟ้า สปท.ถวายพระพร’ขอพระองค์ทรงพระเจริญ’ โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 10 องคมนตรี ‘ดาว์พงษ์-ไพบูลย์-ธีรชัย’คนใหม่ มูลนิธิ รพ.สมเด็จพระยุพราช จัดทำหนังสือ 40 ปี 2 แผ่นดิน รวมชื่อเด็กเกิดช่วงรอยต่อ 2 รัชกาล วธ.จัดนิทรรศการ’ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์’ครั้งที่ 2 แสดงภาพถ่ายจากประชาชน-มืออาชีพ ร่วมบันทึกเหตุการณ์แสดงอาลัยรัชกาลที่ 9

โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง10องคมนตรี

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งองคมนตรี โดยระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่คณะองคมนตรีได้กราบบังคมลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีและทรงมีพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบกับมาตรา 12 มาตรา 13 และมาตรา 16 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ดังนี้ 1.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นองคมนตรี 2.นายเกษม วัฒนชัย เป็นองคมนตรี 3.นายพลากร สุวรรณรัฐ เป็นองคมนตรี 4.นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ เป็นองคมนตรี 5.นายศุภชัย ภู่งาม เป็นองคมนตรี 6.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เป็นองคมนตรี 7.พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข เป็นองคมนตรี 8.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นองคมนตรี 9.พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เป็นองคมนตรี 10.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นองคมนตรี ประกาศ ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2559 เป็นปีที่ 1 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

Advertisement

ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่องคมนตรี ในวันที่ 7 ธันวาคมนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีประกาศโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองคมนตรี โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ พล.อ.ไพบูลย์ ว่า การที่พระองค์ท่านไว้วางพระราชหฤทัยถือเป็นเรื่องที่ดี

ทรงบำเพ็ญทักษิณานุปทาน

Advertisement

เวลา 11.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 5 ธันวาคม 2559 ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันที่ 2 โอกาสนี้ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เข้าร่วมในพิธีด้วย

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทางพระทวารเทวาราชมเหศวร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งประดิษฐานเหนือพระราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปถวายพรพระ จบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานนิมนต์พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ที่จะถวายพระธรรมเทศนาขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม

ทั้งนี้ พระพรหมมุนีถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 จบ จากนั้นทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ถวายพระพร’ทรงพระเจริญ’กึกก้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะขบวนเสด็จฯ เคลื่อนผ่านบริเวณถนนหน้าพระลาน ก่อนจะเข้าประตูวิเศษไชยศรีพสกนิกรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่นได้เปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง พร้อมอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อแสดงความจงรักภักดี

พระเทพฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล

ก่อนหน้านี้ เวลา 07.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร โดยมี พลตรี ม.จ.จุลเจิม ยุคล, ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร่วมในพิธี

เวลา 11.00 น. ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

เวลา 16.30 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 8 รูปสวดพระอภิธรรม

เวลา 19.00 น. ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหาร จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

MCA010712TOE-cropอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ร.10

ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ประดิษฐานด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยประดับครุฑพ่าห์อยู่เบื้องล่างพระบรมฉายาลักษณ์ เหนืออักษรข้อความทรงพระเจริญ พร้อมวางพานพุ่มเงินพานพุ่มทองเพื่อถวายราชสักการะ นอกจากนี้ ที่บริเวณรั้วด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล และด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าได้มีการประดับประดา ตกแต่งด้วยดอกดาวเรืองสีเหลือง ที่เป็นสีประจำวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

ทั้งนี้ การประดับประดาด้วยดอกดาวเรืองนั้นมีความสวยงาม ข้าราชการหน่วยงานภายในทำเนียบรัฐบาล ต่างพากันมาถ่ายภาพเพื่อเก็บความสวยงามนี้ไว้ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบรัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประดิษฐานที่หน้าด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก พร้อมประดับพานพุ่มดอกไม้และเครื่องทองน้อยเป็นราชสักการะ

สปท.ถวายพระพร’ในหลวง’

เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. เป็นประธานการประชุม โดย ร.อ.ทินพันธุ์ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อรับทราบพระราชโองการประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และรับทราบประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรื่องอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ประธาน สปท. ได้ขอให้สมาชิก สปท.ยืนขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ พร้อมกล่าวคำถวายพระพร “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมตามปกติ

‘รพร.’ทำหนังสือ4ปี2แผ่นดิน

นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) ให้สัมภาษณ์ว่า โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช นับเป็นโรงพยาบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องจากรัฐบาลใน พ.ศ.2519 สร้างโรงพยาบาล 21 แห่ง น้อมเกล้าฯถวายพระองค์ และทรงมีพระมหากรุณารับเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยพระราชทานเสด็จฯยังโรงพยาบาลแต่ละแห่งอย่างน้อย 3 ครั้ง คือ วางศิลาฤกษ์ เปิดโรงพยาบาลและเยี่ยมโรงพยาบาลด้วยพระองค์เอง ซึ่งแต่ละแห่งได้รับพระมหากรุณาเป็นอย่างมาก ทางมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยตั้งใจดำเนินการต่างๆ เบื้องต้นจะหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง จัดบริการแพทย์แผนไทย โดยต้องมีอย่างน้อย 1 แห่ง ต้องมีเต็มรูปแบบ มีแพทย์แผนไทยบริหารจัดการ มีระบบบัญชี ระบบการบริหารจัดการต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มที่ รพ.สมเด็จพระยุพราช หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

นพ.จักรธรรมกล่าวว่า นอกจากนี้ จะทำหนังสือโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งที่ผ่านมาทำหนังสือออกเป็น 3 ทศวรรษโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยล่าสุดจะทำเป็นทศวรรษที่ 4 โดยจะจัดทำเป็น โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 4 ทศวรรษ 2 แผ่นดิน โดยจะมีภาพประวัติศาสตร์ พระราชกรณียกิจ ซึ่งมีภาพหนึ่งที่ตนจำไม่เคยลืมเลยคือ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง จ.นครศรีธรรมราช มาประชุมร่วมกับผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระยุพราชอื่นๆ พอเสร็จการประชุมก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ แต่ปรากฏว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฉวาง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งยังมีลูกเล็กๆ ต้องเลี้ยงดู ปรากฏว่าพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาทรงรับเป็นพระราชานุเคราะห์ นอกจากนี้มีอยู่ครั้งหนึ่ง วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระองค์ท่านพระราชทานข้าวสาร โดยให้โรงพยาบาลแต่ละแห่ง แห่งละ 4-5 กระสอบ เพื่อให้เลี้ยงประชาชน

รวมชื่อเด็กเกิดรอยต่อ2รัชกาล

นพ.จักรธรรมกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีความตั้งใจจะรวบรวมรายชื่อเด็ก ที่เกิดใน 9 ชั่วโมงสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 และเด็กที่เกิดใน 10 ชั่วโมงแรกของรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้วประกาศให้รู้ว่าเป็นผู้ที่เกิดในช่วงรอยต่อ 2 แผ่นดิน จากนั้นจะดูแลสุขภาพ และพัฒนาการของเด็กเหล่านี้ในช่วงก่อนวัยเรียนจนถึงเข้าเรียนซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมาก แต่บางครอบครัวอาจจะยังไม่มีความพร้อมมากนัก ทำให้เด็กหลุดการดูแลช่วงสำคัญของชีวิต ในกรณีที่ยากจนอาจจะมีระบบอุปถัมภ์เป็นพ่อ-แม่บุญธรรม เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนโครงการก่อนเสนอ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ในฐานะประธานมูลนิธิฯพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะเป็นการรวบรวมเด็กที่เกิดในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งเท่านั้น เพราะเป็นโรงพยาบาลในการดูแลของทางมูลนิธิฯ แต่หากกระทรวงจะทำการรวบรวมข้อมูลเด็กที่เกิดในช่วงเวลาดังกล่าวในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

สธ.ประกาศต่อต้านทุจริต

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ.นำคณะผู้บริหาร บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ภายใต้แนวคิด “สุจริตตามรอยพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน” เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) รวมพลังในการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต สร้างจิตสำนึกความซื่อสัตย์สุจริต โดยพร้อมใจสวมถุงมือสีขาวด้านซ้าย เพื่อแสดงสัญลักษณ์ ว่า มือที่ขาวสะอาด คือ สุจริตตามรอยพ่อขอทำดีเพื่อแผ่นดิน และมือข้างขวาจับที่หัวใจแสดงถึงพันธสัญญากับพระองค์ท่านและผืนแผ่นดินไทย ที่จะทำความดี มีความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อแผ่นดินไทย

วธ.จัดนิทรรศการครั้งที่2

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ครั้งที่ 2 ที่ลานหน้าสังคีตศาลา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถือเป็นการจัดนิทรรศการต่อเนื่องมาจากช่วงที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน 2559 โดยได้คัดเลือกภาพการแสดงความอาลัยของประชาชนคนไทยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาจัดแสดง 178 ภาพ นับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นการบันทึกภาพจากฝีมือประชาชนทั่วไปและช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการแสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

“ปัจจุบันภาพที่ถูกส่งมายังกระทรวงวัฒนธรรมมีมากกว่า 40,000 ภาพ โดยการจัดนิทรรศการครั้งที่ 2 นี้ยังคงคัดเลือกภาพถ่ายจากประชาชนทั่วไปและช่างภาพมืออาชีพอีก 189 ภาพ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ของปวงชนชาวไทยที่ร่วมแสดงความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมใจคนไทยอย่างไม่เสื่อมคลายมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2559-31 มกราคม 2560” นายวีระกล่าว

กระบี่เตรียมรับเสด็จร.10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่กองออกแบบและก่อสร้างพลับพลาพิธี กรมโยธาธิการและผังเมือง ทำการจัดสถานที่พลับพลาพิธีที่ประทับเตรียมรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จ.กระบี่ ในพิธีเปิดอาคารศาลากลาง จ.กระบี่ หลังใหม่ในวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมนี้เวลา 15.00 น.

นายบุญพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่ได้จัดเตรียมความพร้อม ทั้งด้านสถานที่แล้วเสร็จกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รักษาความสงบเรียบร้อย ตามจุดต่างๆ เพื่อรอรับเสด็จในวันดังกล่าว

“กระบี่นับเป็นจังหวัดแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทั้งนี้ เหล่าพสกนิกรชาวกระบี่และจังหวัดใกล้เคียงจะได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ ขณะที่หน่วยงานราชการต่างๆ ได้ประดับพระบรมฉายาลักษณ์หน้าที่ทำการด้วย” นายบุญพินิจกล่าว

กราบสักการะพระบรมศพ1.2ล.

สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพทางประตูวิเศษไชยศรีตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก่อนจะให้ประชาชนเข้าประตูวิมานเทเวศร์ ผ่านประตูสุวรรณบริบาล ในช่วงมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2559 โดยจะกลับไปเปิดให้ประชาชนเข้าประตูวิเศษไชยศรีหลังเสร็จพระราชพิธี และจะเปิดให้เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ในวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

อีก 1 วัน

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 42,884 คน รวม 36 วัน มี 1,280,359 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,606,306.25 บาท รวม 36 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 98,502,601 บาท

ตั้งใจกราบแสดงความอาลัย9ครั้ง

นายประเสริฐ ตะคร้อสันเทียะ ชาว อ.โนนชัย จ.นครราชสีมา อายุ 70 ปี ซึ่งเข้าสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 3 โดยมาร่วมจุดเทียนอาลัยในหลวง ร.9 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม และอยู่ต่อแถวตั้งแต่เวลาตี 4 กล่าวว่า ตั้งจิตไว้ว่าอยากจะมาให้ครบ 9 ครั้ง เพราะเป็นตัวเลขมงคล เปรียบเหมือนชีวิตที่ก้าวไปข้างหน้า เมื่อได้กราบสักการะก็ได้คิดถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงสละแรงกายและแรงใจลำบากเพื่อคนไทย ทำให้ประชาชนทุกคนรักพระองค์ ที่ผ่านมาเคยมีโอกาสได้เฝ้าฯรับเสด็จ 1 ครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ แม้จะเล็กมาก แต่ความทรงจำยังแจ่มชัดเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟังได้ ส่วนตนมีอาชีพทำนา ได้ยึดเอาหลักเกษตรผสมผสานดำรงชีพได้จนทุกวันนี้ แบ่งพื้นที่ทำนาทำสวน เลี้ยงสัตว์ ทำบ่อน้ำ และบ้านพักอาศัย ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง

ชาวสุโขทัยปีติรับเสด็จร.10

นายปัญญา นาคะเกศ วัย 40 ปี ชาวจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ตัวเองและคณะจากจังหวัดสุโขทัยได้เดินทางมาด้วยรถบัส 15 คัน รวมทั้งหมดกว่า 750 คน ออกเดินทางจากสุโขทัยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 17.30 น.

ก่อนมาถึงยังท้องสนามหลวงในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อร่วมสักการะพระบรมศพ ทั้งนี้ นายปัญญาและคณะชาวจังหวัดสุโขทัยนั่งรอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินมายังพระบรมมหาราชวัง บริเวณประตูวิเศษไชยศรี ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2559 โดยนายปัญญากล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่มีโอกาสได้รอรับเสด็จรัชกาลที่ 10 โดยพสกนิกรต่างเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ และความรู้สึกของทุกคนก็ยังคงเหมือนเดิม คือมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์

เปิดจิตรกรรมบนตาลปัตร

พระครูธีรสุต พจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดนิทรรศการจิตรกรรมบนตาลปัตร “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้” เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงได้จัดแสดงผลงานที่นักศึกษาได้สร้างสรรค์เป็นจิตรกรรมบนตาลปัตร 129 ผลงาน ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของ รศ.ดร.ทิพวรรณ ทั่งมั่งมี และ รศ.ดร.ฉลองเดช คูภานุมาต อาจารย์ประจำกระบวนวิชาดังกล่าว ระหว่างวันที่ 6-30 ธันวาคม 2559 ที่ห้องแสดงนิทรรศการ ชั้น 1 อาคารคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รศ.ดร.ทิพวรรณกล่าวว่า วิชาจิตรกรรมไทย วิชาศิลปะพื้นถิ่น และวิชาไทยวิจักษ์ เป็นวิชาที่มีทั้งนักศึกษาของคณะวิจิตรศิลป์และคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรียนร่วมกันเป็นจำนวนถึง 129 คน เมื่อทราบข่าวการสวรรคตของพระองค์ อยากแสดงความจงรักภักดี แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่กลั่นออกมาจากใจ เพราะท่านไม่เพียงเป็นพ่อ แต่ทรงเป็นพระอรหันต์ที่กลับสู่สวรรค์ ทรงเป็นความดี ความงาม อันเป็นเหตุที่เลือกตาลปัตร สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ซึ่งภายหลังการจัดแสดงจะนำตาลปัตรทั้งหมดส่งมอบให้วัดในแต่ละหมู่บ้านของนักศึกษาและคณาจารย์ที่ร่วมรังสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นเอก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image