จุดความร้อนไทยไม่มีแผ่ว ขณะที่เมียนมาก็นำโด่งไปไกลกว่า 7 พันจุด
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 10 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 1,585 จุด ในขณะที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมายังนำโด่งจำนวน 7,239 จุด สปป.ลาว 3,358 จุด กัมพูชา 1,657 จุด เวียดนาม 811 จุด และมาเลเซีย 14 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 581 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 444 จุด, พื้นที่เกษตร 249 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 177 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 118 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 16 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ กาญจนบุรี 193 จุด
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอพพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พบว่าหลายพื้นที่ของประเทศอยู่ในระดับสีส้มและสีแดง แสดงให้เห็นว่าเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และมีผลต่อสุขภาพ อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง และเลย เป็นต้น ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับปานกลางจนถึงเริ่มมีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะบึ่งกุ่ม
สิ่งหนึ่งต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของระบบนี้คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น