วันที่ 7 ธันวาคม นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบแบบจำลองสภาพอากาศ(วาฟ) พบว่า ช่วงเวลานี้ ทุกพื้นที่ของภาคใต้ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้นไปยังคงมีฝนตกหนัก โดยระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลอันดามันได้ทวีกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้วโดยยังคงมีลมพัดผ่านภาคใต้เข้าสู่ศูนย์กลางพายุ ทำให้ภาคใต้เริ่มมีฝนลดลง แต่ยังมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช และ วันที่ 10-13 ธันวาคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่จากการเฝ้าติดตามการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำลูกใหม่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง โดยมีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นและอาจเคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้พื้นที่ภาคใต้มีฝนตกหนักอีกระลอก
“พื้นที่ ที่ฝนตกหนักส่วนใหญ่จะตกใกล้ทะเล เช่น เกาะสมุย บางสะพาน ที่คาดว่า ระหว่างนี้ฝนยังคงตกหนักอยู่ แต่พื้นที่ที่หนักและรุนแรงจริงๆคือ ปัตตานี และพัทลุง ซึ่งบางรอบวัดปริมาณฝนตกสะสมได้กว่า 500 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง แต่ก็ถือว่า ทั้ง 2 พื้นที่นี้น้ำลดลงเร็วกว่าที่คาดการเอาไว้มาก เพราะก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 พื้นที่ได้เตรียมการสำหรับรับมือกับเรื่องน้ำท่วมเอาไว้ดีพอสมควร เช่น การทำแนวคลองยืมดิน ตามแนวพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 สามารถนำน้ำที่ท่วมอยู่ลงคลองได้มากกว่าปกติ ในขณะที่บางพื้นที่ระบบบริหารจัดการน้ำค่อนข้างแย่ บวกกับปรากฏการณ์ที่เป็นอยู่คือ มีหย่อมความกดอากาศต่ำพัดผ่าน และยังคงตรึงอยู่กับที่ไม่ไปไหนจนกว่าจะถึงราววันที่ 12-13 ธันวาคมนี้”นายรอยล กล่าว
