ม.ร.ว.-ลูกอดีตอธิบดีกรมการปกครองเอี่ยวใช้เอกสารปลอมเบิกเงิน 176 ล้าน บิ๊กโจ๊ก ประสานข้อมูลทางการจีนยันเจ้าของบัญชีเอี่ยวยา
ความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติใช้เอกสารปลอม พยายามขอถอนเงิน 176 ล้านบาท จากธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ ตำรวจสืบสวนพบเชื่อมโยงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติชาวจีน เกี่ยวกับการทำอุ้มบุญผิดกฎหมาย และมีคนไทยเกี่ยวข้องล่าสุดคนไทย 4 คน เข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อ หลังถูกออกหมายจับ หลังเข้ามอบตัว คนไทยทั้ง 4 คน พยายามยื่นขอประกันตัว แต่ตำรวจพบว่ายังมีหมายจับอีกหมาย ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ทำให้ทั้งหมดต้องกลับไปในห้องให้การ เพื่อยื่นขอประกันตัวอีกรอบ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา สน.ทองหล่อ รับแจ้งพบกลุ่มบุคคลใช้เอกสารปลอมเข้าติดต่อธนาคาร แอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี พยายามขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่เพื่อถอนเงินยอดกว่า 176 ล้านบาท จากการเข้าตรวจสอบพบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมและตราประทับตรวจคนเข้าเมืองปลอม ก่อนจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้รอยตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย 1 ใน 5 รายนั้นคือ ชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกักแล้ว นอกจากนี้ยังมีหม่อมราชวงศ์และบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออีกจำนวน 4 ราย พร้อมทนายความ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยยังให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การใดๆ ก่อนจะยื่นขอประกันในชั้นสอบสวนตามสิทธิ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเพื่อเข้าค้นสถานที่ 2 จุด ซึ่งเป็นที่พักของบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองและคลินิกย่านพระราม 9 ของหม่อมราชวงศ์ ซึ่งอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลกรณีการให้คำปรึกษากับลูกค้าซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับอุ้มบุญ อยู่ในระหว่างตรวจสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีดังกล่าว หลังจากตำรวจมีการรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเอกสารปลอมไปแสดงตัวต่อธนาคารอ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีเพื่อถอนเงินจำนวน 5 ราย เป็นชายชาวกัมพูชาที่ควบคุมตัวแล้ว 1 ราย อีก 4 ราย มีบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ต่อมาทั้ง 4 คนมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียบร้อยแล้ว จากนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดเพื่อขยายผลหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมทั้งขยายผลหาที่มาของเงินในบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีการประสานงานกับทางการจีนเพื่อสอบถามเบื้องต้นแล้วพบว่า เจ้าของบัญชีตัวจริงนั้นเป็นบุคคลที่ทางการจีนต้องการตัว โดยมีพฤติการณ์เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ดังนั้นจะให้เจ้าหน้าที่ขยายผลหาที่มาของเงินดังกล่าวรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าหลังจากหม่อมราชวงศ์รายหนึ่ง และพวกรวม 4 คน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาตามหมายจับศาลในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและให้ข้อมูลทั้งหมดว่าเงินจำนวน 176 ล้านบาท ที่ต้องการเบิกถอนจากธนาคารเป็นเงินของชาวจีนคนหนึ่งคาดว่าเสียชีวิตไปแล้ว และกำลังขยายผลว่าเป็นเงินจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ว่าจ้างชาวกัมพูชาให้ปลอมตัวเป็นคนจีนเจ้าของเงิน โดยมีการไปยื่นขอเบิกเงินกับธนาคารหลายครั้งแต่ไม่ผ่านการอนุมัติ เนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างดูไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใบหน้าของตัวละครชาวกัมพูชาที่จ้างมาไม่ตรงกับเจ้าของบัญชี หรือไม่ตรงปก กลุ่มผู้ต้องหาพยายามอ้างว่ามีการไปทำศัลยกรรมใบหน้ามา แต่ทางธนาคารก็ยังไม่เชื่อ โดยต้องการเอกสารประกอบการเบิกถอนเงินเพิ่มเติม
ทั้งนี้จากการขยายผลตรวจสอบในพื้นที่เขตบางรัก พบว่ามีต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ถูกว่าจ้างให้ไปถอนเงิน ใช้พาสปอร์ตปลอมและมีการตราประทับ โดยพบหลักฐานบัตรต่างด้าวสีชมพูที่ออกโดยนายทะเบียนเขตบางรัก จึงเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีการทุจริตของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และจากการไล่ข้อมูลยังพบความเชื่อมโยงกับขบวนการอุ้มบุญชาวจีน เนื่องจากจุดที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น พบเตียงและยาบำรุง สันนิษฐานว่าจุดดังกล่าว อาจเป็นจุดที่ใช้พาหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญ
รอง ผบ.ตร. ยังระบุว่า หากปล่อยให้ขบวนการอุ้มบุญชาวจีนขยายตัวเชื่อว่าระยะยาวจะกลืนชาติไทยเพราะเด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญชาวไทยจะได้สัญชาติไทย และได้สิทธิ์อยู่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สั่งการให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 2 คน รวมทั้งเร่งรัดดำเนินคดีกับนายทะเบียนเขตบางรัก ที่พบหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงด้วย