ชัชชาติ ลั่นมีนโยบายปราบทุจริตชัดเจน ผู้บริหารชุดนี้ไม่เคยรับผลประโยชน์
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 7 เมษายน ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีการปราบทุจริตในสำนักงานเขตเขตราชเทวี
นายชัชชาติ กล่าวว่า ในสำนักงานเขต ผ่ายเทศกิจ ฝ่ายโยธา และฝ่ายรายได้ มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส ซึ่งในระยะยาวจะมีการป้องกันทุจริต 2 ขั้นตอน
1.ลดการใช้วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ เก็บบันทึกข้อมูลการชำระภาษีต่างๆ ทำให้มีการตรวจสอบดีขึ้น
2.ให้ฝ่ายตรวจสอบภายใน ร่วมกับผู้ตรวจราชการ กทม.สูง ไปช่วยกระบวนการจัดเก็บเงิน เพื่อลดการใช้วิจารญาณคนใดคนหนึ่ง ทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
ส่วนกระบวนการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ใบอนุญาตอื่นๆ ลดการเจอตัวกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้ระบบคณะกรรมการพิจารณาใบอนุญาต แทนที่จะใช้เพียงคนเดียว
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ได้เตรียมตำแหน่งว่างที่ส่วนกลางไว้ 20 ตำแหน่ง เพื่อโยกย้ายคนที่มีปัญหาเข้ามาแล้วสั่งพักงานได้ และตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ถ้าสั่งพักงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม จะทำให้ไม่มีคนมาทำงานแทนในตำแหน่งนี้ได้ ส่วนคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จะใช้เวลา 30 วัน
“ผู้บริหารมีนโยบายชัดเจนในการปราบปรามทุจริต เรื่องล่าสุดเป็นเคสที่ 3 แล้ว และเรามีการลงโทษอย่างรุนแรง ผู้บริหารชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ถ้ามีเราคงไม่กล้าให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด สุดท้ายเดี๋ยวเขาก็ชี้ว่า ส่งให้ผู้ว่าฯ ด้วย” นายชัชชาติกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ทราบเรื่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่บางคนมาก่อนหน้านี้แล้ว ได้รายงานให้กับผู้ว่าฯ กทม.ทราบ แต่ กทม.ไม่มีอำนาจการจับกุม การสืบสวน จึงได้ประสานงานกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ซึ่งมีการรายงานการเคลื่อนไหว การวางแผนจับกุมมาโดยตลอด จากนี้ไปเป็นเรื่องของการสืบสวนขยายผล โดย กทม.ให้ความร่วมมือกับตำรวจทุกด้าน ส่วนสมุดที่จดบันทึก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้สืบสวน ว่ามีรายชื่อใครอยู่ในนั้นบ้าง
เมื่อถามว่า จะมีการสอบสวนที่สำนักงานเขตพญาไทด้วยหรือไม่ เนื่องจากผู้กระทำผิดเคยทำงานอยู่ในเขตดังกล่าว นายชัชชาติกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐาน แต่หัวใจหลักคือการป้องกันในอนาคตด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นจะไปอุดช่องโหว่ตรงไหนบ้าง และอนาคตจะต้องแก้อย่างไรต่อไป