ชาวกะเหรี่ยงเหมารถมาจากเชียงใหม่สักการะพระบรมศพ ซาบซึ้งพระเมตตา ร.9 พระราชทานชีวิตใหม่

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในพระบรมมหาราชวัง พบว่าประชาชนทั่วสารทิศยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ พร้อมถือดอกกล้วยไม้หลากสีที่สมาคมผู้ประกอบการสวนกล้วยไม้ไทยนำมาแจกจ่ายอย่างสวยงาม

S__8536089
ชาวกะเหรี่ยงจากบ้านห้วยม่วงฝั่งใต้ ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

นายจรัญ วงศ์ทิพย์บุญทา อายุ 34 ปี ชาวกะเหรี่ยงจากบ้านห้วยม่วงฝั่งใต้ ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนพร้อมคนหมู่บ้านรวม 50 คน ตั้งใจเดินทางมาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ โดยช่วยกันออกค่าใช้จ่ายเหมารถทัวร์กันมาเอง ออกจากหมู่บ้านประมาณ 14.00 น. และมาถึงท้องสนามหลวงช่วงตี 4 กระทั่งได้ถวายสักการะเสร็จประมาณ 08.30 น. พวกเราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะทุกคนรักพ่อหลวง พระองค์ทรงช่วยพัฒนาให้หมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“สมัยก่อนหมู่บ้านพวกเราไม่มีน้ำ ประสบภัยแล้ง ทำได้แค่ปลูกถั่วดินและพริก ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก จากนั้นเมื่อพระองค์เสด็จฯมาเยี่ยมพสกนิกร ทำให้เกิดโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยม่วง ทำให้พวกเราสามารถทำสวนปลูกลำไย สร้างรายได้ให้แก่หมู่บ้านได้อย่างเพียงพอ ขณะที่พวกผู้หญิงได้ทำหัตถกรรมในศูนย์ศิลปาชีพ เช่น ทอผ้า งานแกะสลัก ซึ่งไม่ใช่แค่หมู่บ้านของพวกเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังเสด็จฯไปยังถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เสมือนพระราชทานชีวิตใหม่ให้แก่พวกเรา” ชาวกะเหรี่ยงกล่าวอย่างซาบซึ้ง

นายจรัญกล่าวอีกว่า พวกเราจะร่วมกันปกป้องทรัพยากรของชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันฟื้นฟูป่า เพื่อทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดินให้กับสังคมและประเทศสืบไป

Advertisement

ด้านนางวานี จงรัก อายุ 36 ปี ชาวกะเหรี่ยงพื้นราบ กล่าวว่า ได้เดินทางมาจากหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วยการลงขันคนละ 1,000 บาท เหมารถทัวร์ตั้งแต่เมื่อคืนวาน สำหรับความรู้สึกที่ได้เข้าถวายสักการะพระบรมศพ รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ เพราะถ้าพระองค์ไม่เสด็จฯมาหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้ายเมื่อ 20 ปีก่อน วันนี้คงไม่มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ลำห้วยที่พระองค์ทรงมีแนวทางพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตพวกเราชาวกะเหรี่ยง และพวกเราอาจจะไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ ทั้งนี้ ยังมีโครงการเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ทำสวนลำไยได้ รวมถึงมีโครงการทอผ้ากีของพระราชินี ซึ่งเป็นการทอผ้าพื้นเมืองให้ส่งออกไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

S__8536079

นางมณฑา รุ่งเรืองยั่งยืน อายุ 45 ปี เดินทางมาพร้อมลูกสาว ด.ญ.พิชามญชุ์ รุ่งเรืองยั่งยืน วัย 7 ขวบ สองคนแม่ลูกตัดสินใจขับรถยนต์มาจากจ.ระยอง กล่าวว่า เดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มถึงสนามหลวงประมาณเที่ยงคืน จากนั้นมารอต่อคิวสักการะพระบรมศพ สาเหตุที่เลือกเดินทางมาในวันนี้เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง เป็นวันชดเชยวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้นำลูกสาวมาสักการะพระบรมศพ และเพื่อให้ลูกสาวได้ซึมซับประเพณีอันดีงามที่คิดว่าจะไม่มีประสบการณ์เช่นนี้อีกแล้ว

Advertisement

“ดิฉันนำคำสอนของพระองค์มาใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น ความประหยัดมัธยัสถ์ ความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา ความพอเพียงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการประกอบอาชีพ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสอนทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้แก่ลูกสาว ให้เดินตามรอยของพระองค์” นางมณฑากล่าว

นางมณฑา รุ่งเรืองยั่งยืน
มณฑา รุ่งเรืองยั่งยืน และลูกสาว

น.ส.เมทินี กันเปรมตระกูล ชั้น ม.6 จากโรงเรียนวังน้ำเขียวพิทยาคม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนและกลุ่มเพื่อนจำนวน 7 คน ได้อาสายกมือในชั้นเรียนเพื่อเดินทางเข้ามาสักการะพระบรมศพพร้อมคุณครูประจำชั้นอีก 2 คน เรามาด้วยรถตู้ ซึ่งนักเรียนไม่ต้องออกค่ารถ แต่ตนก็ได้ช่วยแชร์ค่าน้ำมันรถเพียงเล็กน้อย

“รู้สึกตื้นตันใจมากที่ได้มา แม้จะเป็นเด็กก็ตาม แต่ก็รักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก เพราะทุกครั้งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติ พระบรมราโชวาท หรือแนวทางพระราชดำริ ก็รู้สึกชอบแนวคิดของพระองค์มาก ทำให้ตอนนี้หนูปลูกผักเป็น เพราะเรียนรู้มาจากแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งนำมาใช้ได้จริง” น.ส.เมทินีกล่าว

น.ส.เมทินี กันเปรมตระกูล (ขวา)
เมทินี กันเปรมตระกูล (ขวา) และเพื่อนๆ

นางเซิน อายุ 44 ปี ชาวมอญจาก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่วันนี้เดินทางมาพร้อมเพื่อนบ้านชายหญิงรวม 80 คน โดยเหมารถบัสสองคันมาตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงสนามหลวงตอนตี 3 ครึ่ง เผยความรู้สึกภายหลังจากได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพในช่วงเช้าว่าอยากมาไหว้พ่อหลวงสักครั้งในชีวิต แม้จะไม่ใช่คนไทยแต่ก็รักและเทิดทูนเหมือนพ่อแท้ๆ เพราะทรงงานเพื่อทุกคนไม่เฉพาะคนไทย แต่ทุกเชื้อชาติศาสนาโดยไม่แบ่งแยก ตอนรู้ว่าพระองค์สวรรคตรู้สึกเสียใจมาก

นางเซิน (คนที่สามจากซ้าย)
นางเซิน (คนที่สามจากซ้าย)

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม หลังสำนักพระราชวังปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 01.40 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมากว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 58,909 คน รวม 42 วัน มี 1,578,625 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นยอดเงิน 3,896,209.75 บาท รวม 42 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 120,631,591.25 บาท

S__8536076

S__8536074
S__8536083

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image