มหกรรม ‘เสื้อลายดอก’ ที่กลายเป็นหนึ่งในคอสตูมอันแสดงถึง ‘ความเป็นไทย’ วนมาอีกครั้งในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีปีนี้ กรุงเทพมหานคร ชวน ‘ใส่ลายดอกออกเที่ยว’ แนววัฒนธรรมประเพณี 40 จุด และ 198 อีเว้นต์ทั่วกรุง
ด้านผู้ประกอบการเปิดกรุสต๊อกเสื้อลายดอกออกมาจำหน่ายเข้าข่ายเทน้ำเทท่า หลังมวลมหาประชาชนคนไทยอัดอั้นมานานจากสถานการณ์โควิด
ผู้คนที่สวมใส่เสื้อลายดอกสีสันสดใส ละลานตาทั่วกรุงเทพฯ และดินแดนไทย
ถามว่า เสื้อลายดอก มาจากไหน ? และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์แสดงความเป็น ‘ไทยๆ’ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
คำถามง่าย แต่ตอบยาก
ประวัติความเป็นมาเบื้องต้นของเสื้อลายดอกที่คนไทยรู้จักนั้น เดิมเป็น ‘เสื้อคอกลม ลายดอก’ ซึ่งคอกลมนี้ คือ เสื้อแบบวัฒนธรรมจีนหรืออินเดีย ส่วนลายดอกนั้น คือดอกไม้ทั่วไป บางครั้งไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นลายลักษณะดอกดวง ก็เรียก เสื้อลายดอก
ต่อมา มีพัฒนาการอันสับสนปนเปกับ ‘เสื้อฮาวาย’ ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อลายดอกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
ร่องรอยโดดเด่น อยู่บนเรือนร่างของ ‘เอลวิส เพรสลี่ย์’ ที่ไม่ได้มีสายเลือดไทย สวมใส่เสื้อฮาวายแบบ ‘เสื้อคอปก’ ซึ่งเดิมใช้ผ้ากิโมโนของญี่ปุ่นซึ่งมีลวดลายต่างๆ ตัดเป็นเสื้อ
ต่อมาใช้ผ้าชนิดอื่นๆ พร้อมทั้งกำเนิดลายต่างๆที่หลากหลาย รวมถึง ลายดอกชบา ที่ให้บรรยากาศของหมู่เกาะที่มีอากาศอบอุ่น นิยมใส่ระหว่างท่องเที่ยวพักผ่อน แล้วแพร่หลายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งผู้รู้บางท่านสันนิษฐานว่า มาพร้อมกระแสเอลวิส เพรสลีนั่นเอง จริงหรือไม่ ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ เสื้อฮาวาย ได้เข้ามาปะปนกับเสื้อคอกลมลายดอกที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เสื้อลายดอกแบบคอกลม ที่มีในไทยมาก่อนเสื้อฮาวายนั้น แต่เดิมก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทย กระทั่งถูกสวมใส่โดยกลุ่มศิลปินแนวลูกทุ่ง ลูกกรุง รวมถึงนักเขียน และกูรูเพลงลูกทุ่งนาม เจนภพ จบกระบวนวรรณ หรือชื่อจริงว่า สันติภพ จบกระบวนหัด ซึ่งโด่งดังจากการจัดรายการวิทยุเพลงลูกทุ่งที่รุ่งโรจน์อย่างมากในช่วง พ.ศ. 2529-2530 โดยมีเอกลักษณ์ที่คนจดจำคือการแต่งกายด้วย ‘เสื้อลายดอก’ โดยนอกจากตนเองแล้ว ภรรยาและลูกๆ ก็สวมใส่เสื้อลายดอกด้วยเช่นกัน จนมีผู้กล่าวขานว่าเป็น ‘ครอบครัวเสื้อลายดอก’ ส่วนเจนภพได้รับฉายา “เจ้าพ่อเสื้อลายดอก” ไปโดยปริยาย
ต่อมา เจนภพ ยังทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อลายดอก โดยมี ‘ลายดอกเจนภพ’ เป็นสินค้าซิกเนเจอร์ คือ แบบคอพวงมาลัย กระดุมทอง 3 เม็ด กระเป๋าแปะ 2 ใบใหญ่ วงแขนตะเข็บเข้าถ้ำ เส้นเย็บตะเข็บคู่ ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลแต่งกายดีเด่นด้านการอนุรักษ์ความเป็นไทย จากสมาคมช่างตัดเสื้อไทย เมื่อ พ.ศ. 2544
ยิ่งเน้นย้ำความเข้าใจที่ว่า เสื้อลายดอก บ่งบอกถึงความเป็นไทยมากขึ้นไปอีก
ประเด็นนี้ สุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒนธรรม มีความเห็นว่า เสื้อคอกลม ไม่ใช่ประเพณีพื้นเมืองอุษาคเนย์ และไม่ใช่ไทย แต่รับจากที่อื่น เช่น อินเดีย, จีน
ลายดอก ที่แพร่หลายทุกวันนี้ มีต้นแบบจากประเพณีตะวันตกเมื่อไม่นานมานี้ เช่น เสื้อฮาวายจากสหรัฐ ฯลฯ
เดิม ไม่เคยมีในวัฒนธรรมไทย
“สงกรานต์ สมัยก่อนพวกไพร่แต่งตัวตามมีตามเกิด หรือที่คิดว่างามของยุคนั้นๆ มีร่องรอยอยู่ในนิราศเดือน ของเสมียนมี กวีสมัย ร.3 สะท้อนรสนิยมเล่นสงกรานต์ของคนในยุคต้นกรุงเทพฯ ว่าแต่งตัวตามสะดวกสบาย และตามลักษณะชนชั้น ชุดไทยหรือเสื้อคอกลมลายดอกที่ทางการกำหนดให้ต้องแต่งในสงกรานต์ แบบแผนนี้ไม่เคยพบอยู่ในสังคมชาวไทยสยามยุคก่อนๆ เช่น ยุคอยุธยา แต่เพิ่งมีขึ้นสมัยหลังเพื่อแสวงหาอัตลักษณ์ไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวร่วมกัน” สุจิตต์เคยกล่าวไว้
แม้ปัจจุบัน สุจิตต์ สวมใส่เสื้อเชิ้ตลายสกอตต์ เปิดหน้าอกหน้าใจ จนได้ชื่อว่า เป็นคอลัมนิสต์ไม่ติดกระดุมบน ทว่า ในวัยหนุ่มสวมใส่เสื้อคอกลมลายดอกแทบทุกวัน โดยสวมใส่มาก่อนเจนภพ จบกระบวนวรรณ เจ้าพ่อเสื้อสายดอกเสียอีก ต่อมา เมื่อเสื้อลายดอก ถูกมองว่าบ่งบอกถึงความเป็นไทย จึงเลิกใส่ ไม่ใช่ต่อต้านความเป็นไทย แต่ให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการมีสไตล์แฟชั่นส่วนตัว