ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า การพัฒนาระบบสาธารณสุขในพื้นที่กทม.วันนี้ จะต้องมีการทำงานแบบร่วมมือกันเป็นองค์รวม ไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้ เพื่อให้การเข้าถึงด้านบริการสุขภาพของประชาชนในทุกพื้นที่เขตตนเอง มีแนวคิดที่ให้คลินิกเอกชนเข้ามาเป็นพันธมิตรในการคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งประชาชนสามารถใช้สิทธิตามที่ตนเองมีอยู่เหมือนกับการไปใช้บริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม.เนื่องจากว่าในภาวะปัจจุบัน กทม.ยังมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรทางด้านการแพทย์เป็นจำนวนมาก และขณะเดียวคนประชาชนบางกลุ่มยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ ทาง กทม.จึงต้องมีการทำงานเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้มากขึ้นจากเดิมที่เคยออกตรวจประชาชน 2 เดือนต่อครั้ง จะเปลี่ยนมาเป็น 1 เดือนต่อครั้งและทุกครั้งจะไม่ได้มีหน่วยงานด้านการแพทย์ลงพื้นที่ไปอย่างเดียว แต่จะมีหน่วยงานที่ดูแลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สำนักพัฒนาสังคมและสำนักเขตเข้าไปร่วมทีมด้วย
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า การพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัด กทม.ให้มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยให้ได้ครบวงจรเหมือนเช่นที่ รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ เป็นต้นนั้น ในปัจจุบันโรงพยาบาลในสังกัด กทม.มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น จึงต้องมีการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลให้เท่าเทียมกับโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ โรงพยาบาลสิรินธรจะพัฒนาไต่ระดับขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยการแพทย์นานาชาติขึ้น คาดว่าจะสามารถรับสมัครนักศึกษาได้ภายในปี 2561 ขณะที่รพ.เจริญกรุงประชารักษ์จะมีการพัฒนาเป็นศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูขนาดใหญ่ภายในปี 2560 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาประชาชน ซึ่งในภาพรวมของปี 2560 นี้ประชาชนคน กทม.จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของระบบบริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม.อย่างแน่นอน
