‘เอสเจดับเบิ้ลยูดี’ ทุ่มงบ 3.5-5 พันล. รุกธุรกิจโลจิสติกระดับภูมิภาค

‘เอสเจดับเบิ้ลยูดี’ ทุ่มงบ 3.5-5 พันล. รุกธุรกิจโลจิสติกระดับภูมิภาค คาดรายได้ปี’66 โต 3 หมื่นล. 

นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเจดับเบิ้ลยูดี ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า หลังจากบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ได้รวมกิจการเป็น เอสเจดับเบิ้ลยูดี ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้ร่วมกันจัดตั้งแผนงาน 5 ส่วน ได้แก่

1.การประหยัดต้นทุนและเพิ่มรายได้จากการ Cross-Sale และ Up-Sale จากฐานลูกค้าเดิม

2.สร้างมูลค่าเพิ่มแก่บริการเดิมที่แต่ละฝ่ายมีความเชี่ยวชาญ

ADVERTISMENT

3.เชื่อมต่อการให้บริการในภูมิภาคอาเซียนแบบไร้รอยต่อโดยนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยไปขยายในอาเซียน

4.ให้บริการแบบ D2C (Direct to Consumer) ตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ADVERTISMENT

5.ขยายขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่องไปยังธุรกิจใหม่

 

นายบรรณ กล่าวอีกว่า โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายปี 2566 มีรายได้รวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งสัดส่วนเป็นรายได้จากในประเทศไทยประมาณ 90% และต่างประเทศอีก 10% พร้อมตั้งงบลงทุนรวม 3,500-5,000 ล้านบาท และคาดหวังปิดดีลการควบรวมธุรกิจ (เอ็มแอนด์เอ) เพิ่มเติมได้ภายในปี 2566 ส่วนเป้าหมายระยะยาวในปี 2569 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า จะมียอดขายเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30% 

นายบรรณ กล่าวว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ขยายธุรกิจในไทยและอาเซียน ล่าสุดเตรียมเข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม จำกัด ตามแผนงานที่วางไว้ โดยปัจจุบัน เอสซีจี อินเตอร์ เวียดนาม เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในเวียดนาม มีลูกค้าหลักเป็นธุรกิจในเครือเอสซีจี และให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป ล่าสุดเตรียมให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลาย ในโครงการคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศเวียดนาม คาดว่าการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 และบริษัทฯ คาดว่าในช่วงแรกจะรับรู้รายได้จากส่วนนี้ 800-1,000 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ ได้วางแผนร่วมมือกับ Transimex Corporation ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นที่เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในเวียดนามเพื่อร่วมกันขยายธุรกิจในเวียดนามอย่างต่อเนื่องอีกด้วย 

ด้าน นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม เอสเจดับเบิ้ลยูดี กล่าวว่า หลังจากรวมกิจการเป็น เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ ทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและศักยภาพเพิ่มขึ้น บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจเดิม และรุกให้บริการใหม่ๆ ผ่านการร่วมทุนและทำเอ็มแอนด์เอ โดยเตรียมนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ต่อยอดขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายการให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในระดับภูมิภาคและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

นายชวนินทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจให้บริการขนส่งชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในไทย โดยมีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศ เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไปยังโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรและจัดส่งแก่ดีลเลอร์รถทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในปีหน้าและรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image