เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พญ.ทานตะวัน จอมขวัญใจ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์บริการผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ (Emergency Room) โรงพยาบาล (รพ.) นวเวช กล่าวถึงลักษณะอาการป่วยที่ฉุกเฉินและควรเรียกรถพยาบาล ว่า รถพยาบาล ออกแบบมาเพื่อการดูแลผู้ป่วย โดยมี 3 ระดับ คือ 1.ระดับทั่วไป เพื่อรับผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุมาส่งที่ รพ. สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อยได้ อุปกรณ์ในรถพยาบาลจะมีเปลขนย้ายที่สามารถยึดติดกับรถพยาบาลได้ และอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เช่น กระเป๋าชุดปฐมพยาบาล 2.ระดับเบสิก สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้นในภาวะไม่รุนแรง ไม่คุกคามต่อชีวิต อุปกรณ์ในรถพยาบาลประกอบด้วย อุปกรณ์ช่วยชีวิต ออกซิเจน อุปกรณ์ให้ออกซิเจน อุปกรณ์การขนย้ายลำเลียง กระเป๋าชุดปฐมพยาบาล เป็นต้น และ 3.ระดับขั้นสูง ซึ่งมีความเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น มีทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีและมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นสูง เช่น สามารถใส่ท่อช่วยหายใจได้ในกรณีที่พบผู้ป่วยไม่หายใจ สามารถปั๊มหัวใจได้หรือให้ยาช่วยชีวิตในเบื้องต้น มักจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลที่มีความชำนาญการไปกับรถพยาบาลด้วย ดังนั้นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยก็จะลดลง
พญ.ทานตะวัน กล่าวต่อว่า การประเมินการใช้รถพยาบาลขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อาการของผู้ป่วย ระยะเวลาเข้าถึงในการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นต้น คำถามว่าเมื่อไรที่ควรเรียกรถพยาบาล ควรจะประเมินว่า 1.ผู้ป่วยกำลังอยู่ในภาวะที่คุกคามต่อชีวิตหรือไม่ เช่น มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง อาการของผู้ป่วยอาจแย่ลงกว่านี้ และอาจคุกคามต่อชีวิตขณะกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลหรือไม่ เช่น มีอาการหายใจผิดปกติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หน้าเขียว 2.การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บยิ่งขึ้นหรือไม่ เช่น มีประวัติตกจากที่สูง แขนขาผิดรูป 3.จำเป็นต้องใช้ทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์ในสถานการณ์นี้หรือไม่ และ 4.ระยะทางและการจราจรอาจทำให้เกิดความล่าช้าจนเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่ ทั้งนี้ หากอาการตรงกับข้อใดข้อหนึ่งก็สามารถเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินทันทีที่หมายเลขโทรศัพท์ 1669
พญ.ทานตะวัน กล่าวว่า สิ่งที่ควรรู้ก่อนโทรเรียกรถพยาบาล เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้เตรียมความพร้อมก่อนออกไปรับ คือ 1.ต้องให้ข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น มีผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บในลักษณะใด อาการเป็นอย่างไร 2.บอกสถานที่เกิดเหตุและเส้นทางให้ชัดเจน 3.บอกชื่อ เพศ และอายุของผู้ป่วยได้ 4.บอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยได้ 5.บอกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น เหตุเกิดบนท้องถนน หรือ สถานที่มีก๊าซพิษ 6.บอกชื่อผู้แจ้ง และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
“หลังแจ้งเหตุ จะได้รับคำแนะนำเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ รพ. ผู้แจ้งเหตุควรทำการดูแลผู้ป่วยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ รพ. และรอทีมจากรถพยาบาลไปดูแลเพิ่มเติมต่อไป โดยทีมรถพยาบาล รพ.นวเวช สามารถมีบริการรถพยาบาล ทั้งในแบบ Basic และ Advance ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์บริการผู้ป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ ที่เบอร์ 02-483-9999” พญ.ทานตะวัน กล่าว