ชาวปากเมงโอด! ขอความเป็นธรรม หลังป่าไม้ฯ ตรวจสอบพื้นที่บุกรุก แจ้งความดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ จ.ตรัง ชาวบ้านปากเมง ม.4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ประมาณ 20 คน ได้มารวมตัวกันที่ร้านอาหารครัวครูคิด บริเวณหน้าชายหาดปากเมง เพื่อร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าวไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนถึงปัญหาความเดือดร้อน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2559 เจ้าหน้าที่สำนักส่วนป้องกันรักษาป่า สำนักที่ 12 (นครศรีธรรมราช) พร้อมด้วย จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ จ.ตรัง จนท.หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 47 สปป.4 (ภาคใต้) จนท.ตำรวจป่าไม้ จนท.ฝ่ายปกครอง จนท. ทหาร และ จนท.ตำรวจ ได้ร่วมกันตรวจสอบรีสอร์ท ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเสและป่าคลองไม้ตาย ม.4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง จำนวน 17 แห่ง ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณชายหาดปากเมง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จ.ตรัง จากนั้นมีผู้มายื่นอ้างเอกสารสิทธิ์ 1 จุด เหลือ 16 จุด ซึ่งหากพบการกระทำผิดไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ถูกต้องจะดำเนินการตามกฎหมาย มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ล่าสุดได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกแล้ว จำนวน 6 ราย ที่ สภ.สิเกา

นางคล่อง บัวดำ หรือป้าแดง อายุ 60 ปี เจ้าของร้านป้าแดงอาหารตามสั่ง กล่าวว่า รู้สึกตกใจเรื่องที่โดนแจ้งความกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินป่าสงวนฯ ช่วงประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว ไม่ทราบว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นเขตป่าสงวนฯ เห็นผู้คนมาอยู่ทำมาหากินกัน จึงเข้ามาจับจองอยู่ด้วย จากนั้นได้เปิดเป็นร้านอาหารตามสั่งได้เงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องวันละไม่มาก และเริ่มสะสมมาเรื่อยๆจนได้สร้างที่อยู่อาศัย หลังจากโดนจับรู้สึกเหมือน “โดนทุบหม้อข้าว” ไม่มีอะไรจะทำกินต่อ หากเจ้าหน้าที่ฯ เขาเอาเรื่องตนเองก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เพราะว่าไม่มีกำลังแล้ว ความรู้ก็ไม่มีจะต่อสู้คดีในชั้นศาล จึงขอวิงวอนฝากถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วย

ด้าน นายศุภชัย ชูเชิดรัตน์ อายุ 45 ปี กล่าวว่า เรื่องที่เจ้าหน้าที่ฯเข้ามาดำเนินการแจ้งคดีบุกรุกในพื้นที่บางส่วน ความจริงแล้วพื้นที่นี้อยู่กันมานาน ซึ่งในส่วนอาชีพที่ทำมีหลายอาชีพหาเช้ากินค่ำเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว บางส่วนคิดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสามารถทำรายเสริมได้ก็สร้างรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว แต่มาวันนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ฯ บอกว่าบุกรุก ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนทำมาหากิน อยากฝากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ลงมาดูพื้นที่จริง ว่าอยู่กันมานานแล้ว อาศัยกันมาก่อนว่าจริงหรือเปล่า อยากให้ลงมาตรวจสอบ ตามที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งที่จริงอยู่ติดถนน ติดทางหลวงแผ่นดิน รีสอร์ท อาคารที่ปลูกทำขึ้นมาไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น ชาวบ้านที่ทำอยู่ก็เป็นเรื่องการทำมาหากิน ถ้าไม่สามารถทำมาหากินได้ ผลกระทบที่ตามมาคือ เรื่องปากท้อง อยากขอร้องผู้มีอำนาจขอให้ชาวบ้านมีที่ทำกินมีที่ยืน จะช่วยลดปัญหาสังคมและปัญหาการว่างงานได้ แต่ถ้าปิดโอกาสไม่ให้เราทำมาหากินปัญหาอื่นคงเกิดแน่นอน ซึ่งคาดการณ์ไม่ถูกว่าจะมีอะไรตามมา

Advertisement

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้ว ตนและพี่น้องชาวบ้านปากเมง ที่ทำมาหากินในพื้นที่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งมีข่าวออกไปก็จะมีผลกับนักท่องเที่ยว เพราะเขาไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงในพื้นที่เป็นอย่างไร อาจมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวขาดความมั่นใจ ขาดความเชื่อมั่น ว่าเข้ามาเที่ยวแล้วไม่สะดวกเรื่องที่พัก สำหรับเรามีความพร้อมทางทรัพยากรทุกๆด้าน สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาเที่ยวชม นายศุภชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากพื้นที่ 17 จุด ดังกล่าวแล้วยังมีพื้นที่ได้รับการร้องเรียนเตรียมจะเข้าไปตรวจสอบเพิ่มอีก 15 จุด รวมจำนวน 32 จุด ที่อาจจะเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ แถวปากเมง ม.4 ต.ไม้ฝาด สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทางทะเลของ จ.ตรัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image