‘บิ๊กต๊อก’ยันดีเอสไอทำคดี’คลองจั่น’เต็มที่ ระบุถ้าพระชุมนุมกดดันไม่สำเร็จแน่ ชี้ใครผิดต้องดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคี พุทธบริษัท 4 ที่ได้รวมตัวกัน บริเวณพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อแถลงจุดยืนต่อรัฐบาล พร้อมเสนอข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ห้ามรัฐเข้ามาก้าวก่ายเกี่ยวกับเรื่องของพุทธศาสนา ว่า ไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เสนอมา เพราะที่ทราบมาตามสื่อต่างๆ อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าถามเกี่ยวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการทำคดีนั้น ดีเอสไอทำตามหน้าที่ของเขา ไม่ว่าจะสงฆ์ ไม่ว่าฆราวาสใดก็ตามก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันทั้งหมด เพราะจะห้ามไม่ให้กระทรวงยุติธรรม โดยดีเอสไอไม่ทำงานไม่ได้ ส่วนเรื่องอื่นตนไม่มีข้อคิดเห็น นอกจากการทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าดีเอสไอยังต้องดำเนินคดีต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า จะไม่ให้ทำใช่หรือไม่ ขอถามว่า สิ่งที่ดีเอสไอทำเป็นหน้าที่ดีเอสไอใช่หรือไม่ และสิ่งที่ทำนั้นคือทำต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือคิดว่ากระทำผิดกฎหมายใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น อีกทั้งเรื่องนี้ยังผูกพันกับพลเรือนเอกชนอีกหลายคน ดังนั้นยกเว้นการกระทำของผู้หนึ่งผู้ใดได้หรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้ ฉะนั้นข้อที่เสนอมามันตรงกับอันนี้หรือเปล่า ก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าตรงกับอันนี้ ตนก็บอกแล้วว่าไม่มีทางมากดดันกระทรวงยุติธรรมได้ เพราะเราทำตามหน้าที่ และข้าราชการก็ทำตามหน้าที่ ดังนั้น สังคมก็ต้องบอกว่าดีเอสไอต้องกระทำ ซึ่งใครที่ยื่นเงื่อนไขอันนี้มา สังคมต้องดูว่าใครไปกดดันใครกันแน่ที่ไม่ให้ทำตามกฎหมาย ถ้ามันเป็นตามนี้ก็ต้องตอบแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่า อาณาจักรไปยุ่งเกี่ยวกับศาสนจักรมากเกินไปหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นประเด็นไหนเวลาเรามาผูกพัน แต่ถ้าเรื่องคดีเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นคดีเป็นความผิดตามกฎหมาย และถ้าเป็นเรื่องของภายใต้กฎหมายเดียวกัน มันก็ต้องทำ แต่ถ้าความหมายอันนั้นตนไม่เข้าใจ หากเอาสองเรื่องมาผูกกันเดี๋ยวมันจะผิด ตนก็จะไม่ตอบเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันที่หลบหนีต่างประเทศพยายามจะเชื่อมโยงกลุ่มการเมืองกับสงฆ์ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า คนที่ออกนอกประเทศและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะมาบอกคนที่กำลังทำตามกฎหมายได้อย่างไร ขอตอบแค่นั้น สังคมต้องดูความประพฤติและคิดเอง ให้ตัวเองเดินมาตามกฎหมายก่อนและค่อยมาบอก ถ้าสังคมมองว่ามันกำลังถูกดึงมาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองก็ต้องช่วยกันให้อยู่ในกรอบกฎหมาย

“ผมพยายามพูดเสมอว่าเรื่องคดีสหกรณ์ฯคลองจั่นที่ผูกพันเป็นเรื่องของกฎหมายของคดี ไม่เกี่ยวกับเรื่องของศาสนจักร ซึ่งมันเป็นภาพกว้าง ถ้าเราไปทำเรื่องนี้และตีแผ่เป็นภาพกว้างอาณาจักรโยงนู่นโยงนี่มันไม่ใช่ แต่นี่เป็นเรื่องของกฎหมาย ท่านต้องดูว่าใครกันแน่ที่พยายามดึงเข้าไป ถ้าท่านพูดเรื่องนี้ก็แสดงว่ามันก็ต้องมีกลุ่มที่พยายามดึงเข้าไป ซึ่งผมไม่ได้ทำ และท่านคิดว่าผมทำตรงไหน ผมถามสื่อว่าดีเอสไอพยายามดึงไปสู่การเมือง ดึงไปสู่ศาสนจักรตรงไหน ซึ่งไม่เห็นมีตรงไหน และเวลาที่ผมให้สัมภาษณ์ผมจะระมัดระวังเรื่องนี้มาก ดังนั้น อย่าไปเชื่อมกัน” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

ADVERTISMENT

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า กล่าวต่อว่า ใช้คำว่าวัดพระธรรมกายมันไม่ใช่ ตนกำลังดำเนินการกับบุคคล อย่าไปเชื่อมโยงกับวัด เพราะอยู่ในวัดนั้นแต่ว่าไม่ใช่วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่เรื่องของนิกายธรรมกาย ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคล ทั้งนี้ กรณีที่พระสงฆ์ออกมารวมตัวกันนั้น ถ้าผลของเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่มาเชื่อมโยงกับคดีที่ดีเอสไอทำอยู่ กดดันตนไม่สำเร็จ เพราะกระทรวงยุติธรรมทำในเรื่องที่จะต้องทำ สังคมก็ต้องมอง แต่ไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวพันกันหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมากดดันเพราะไม่สำเร็จอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ทำในเรื่องอื่นประเด็นอื่นไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่วิพากษ์วิจารณ์